อักษรจรัส รุ่น 35

กรองกาญจน์ เศรษฐพานิช

เมื่อนึกถึงอาหารการกินที่ได้ไปเสพมากับเพื่อนๆ  ต้องนึกถึงเพื่อนกรองกาญจน์ นอกจากจะเป็นนักร้องประจำวงสจม.แล้ว เพื่อนยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและโภชนาการระดับกูรูในวังเลยทีเดียว เมื่อไปทานอาหารกันตามร้านอาหาร เพื่อนกรองกาญจน์วิเคราะห์รสชาติและเจาะจงเครื่องปรุงอาหารในแต่ละจาน แถมด้วยการแนะนำเครื่องปรุงที่อาจใช้แทนกันได้ ให้เติมอะไรเข้าไปนิด หรือลดอะไรลงหน่อย  เป็นความชำนาญของเพดานปากที่มีความละเอียดประณีตยิ่งนัก  อาหารที่นำมาปรุงสำหรับกรองกาญจน์ ต้องมีคุณภาพและปลอดสารขั้นอาหารเสวยทีเดียว 

ในโอกาสที่เพื่อนกรองกาญจน์เป็นผู้จัดอาหารให้พวกเราเองนั้น กระบวนการและลำดับการจัดอาหารของเพื่อนกรองกาญจน์ เป็นไปอย่างมีระเบียบและระบบ ทั้งเพื่อความสุนทรีย์  เพื่อลับประสิทธิภาพของเพดานปาก และเพื่อความอร่อยทั้งก่อนอาหาร ระหว่างอาหารและหลังอาหาร ทั้งหมดสร้าง aura ที่แผ่ออกจากจานอาหารที่กรองกาญจน์บรรจงทำและประดิษฐ์ประดอยขึ้น ทำให้เพื่อนๆมองดูอาหารเหมือนกำลังชื่นชมเนรมิตศิลป์ชิ้นหนึ่ง

ความสวยงามของอาหารดั่งจิตรกรรม Stiil Life หนึ่ง  คุณภาพของอาหารหนึ่ง กับพฤติกรรมการกินอีกหนึ่ง ต้องสอดคล้องกันตั้งแต่ต้น ตอนกลางและตอนจบ.เพื่อนกรองกาญจน์ได้เปิดมิติการกินที่ประณีตแจ่มจรัสในใจพวกเรา

ยังต้องเจาะจงด้วยว่า เพื่อนกรองกาญจน์เป็นอดีตนักร้องสจม. ร้องเพลงกล่อมเพื่อน ไพเราะเสนาะหู ร้องได้ทุกเพลง คนฟังอิ่มอกอิ่มใจตลอดทางในยามอักษรสัญจร.  

 ขอบคุณ กรองกาญจน์ (ปัตตะพงศ์) เศรษฐพานิช  เพื่อนผู้แจ่มจรัส ประณีตในทุกมิติ.

ขจรพร นุตยะสกุล (แป้น)

เคยถามเพื่อนแป้นว่าทำไมถึงเรียนอักษร ถามตรงก็ตอบจริงว่าที่จริงอยากเรียนวิศวะเพราะใจรักเครื่องยนต์กลไกมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ระดับมัธยมปลายโรงเรียนราชินีแป้นเลือกเรียนศิลป์ภาษา แต่เมื่อเข้าจุฬาฯ เลยสอบเข้ามาเรียนอักษรคณิต เพราะใจชอบวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์อยู่แล้ว

เรียนอักษรจนจบแล้วไปเป็นทหาร เพราะชอบอะไรที่มันแมนๆ ความชอบเครื่องยนต์กลไกทำให้แป้นสามารถแก้ไขดัดแปลงสารพัดปัญหาเครื่องมือกลตั้งแต่ของจิ๋วไปจนของใหญ่เท่าบ้าน จนได้สมญาจากเพื่อนๆว่า อักษรวิศวะ อินทาเนียร์ตัวจริงอาจไม่สามารถเท่าแป้น คิดอะไรไม่ออกให้บอกแป้น แป้นซ่อมได้(เกือบ)ทุกอย่าง

เพื่อนไม่สนิทอาจจะคิดว่าแป้นเป็นคนเงียบขรึมเพราะไม่ช่างพูด เพื่อนวงในจะรู้ว่าที่แป้นไม่ค่อยพูดนั้นเพราะพูดไม่ทันเพื่อนฃมรมนกกระจอกแตกรัง แต่อย่าคุยกันทางโทรศัพท์เชียว แป้นเปรี้ยวไม่แพ้ใครๆเหมือนกัน ยิ่งถ้าคุยเรื่องชอบเช่นเทนนิส กอลฟ์ พีเจและนกกระตั้ว (หมาและนกสุดเลิฟ) คุยได้เป็นวันๆคืนๆ ถ้ามีคนฟัง

เพื่อนรักแป้นเพราะแป้นเป็นคนมีน้ำใจเป็นอย่างยิ่ง ทุกสิ่งประสงค์จงใจจะเสร็จสมได้ถ้าบอกแป้นว่าต้องการความช่วยเหลือ ไม่มีอะไรที่เหลือมือแป้น ความเอื้อเฟื้อของแป้นไม่มีขอบเขตจำกัด ครอบคลุมไปยังครอบครัว บริวาร คนข้างบ้านและหมาแมวที่บังเอิญผ่านมา

เพื่อนคนนี้ไม่ใช่คนดังในสังคม ไม่ล้ำเลิศในวิชาการ ไม่เป็นที่รู้จักของใครๆนอกสังคมรุ่น 35

แต่เป็นเพื่อนที่รัก เป็นอักษรจรัสในใจเพื่อนๆทุกคน

ชลิดา ศิรามพุช

ชลิดา ศิรามพุช หรือตุ๊ก เป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก อุปนิสัยอ่อนโยน ยิ้มแย้มแจ่มใส ทุกครั้งที่พบเธอ มักจะได้ยินเสียงหัวเราะ หรือเห็นรอยยิ้มของเธอ ทั้งนี้เพราะเธอเป็นคนมองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน พูดคุยสนุก และมีวิธีการพูดเชิงบวกเป็นนิจสิน

ชลิดาเป็นคนที่ดีโดยธรรมชาติ มีจิตใจดี ไม่เคยนินทาว่าร้ายใคร น้อยคนนักจะเป็นเช่นเธอ ชลิดามีความกตัญญูสูง ดูแลคุณแม่ที่ชราในวัย97อย่างดียิ่ง จวบจนคุณแม่จากไป เธอมีความกตัญญูต่อโรงเรียนทั้งระดับต้นและปลาย และแน่นอนที่สุดต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอเป็นศิษย์เก่าที่ดีมาก ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ งานประจำปีของคณะอักษรศาสตร์ เธอแทบไม่เคยขาดเลย นอกจากนี้ตัวอย่างที่แสดงว่าเธอมีจิตใจงามคือ เธอจะพาครอบครัวเข้าวัด และเมื่อมีโอกาสจะเธอจะทำบุญทำทานสม่ำเสมอ เช่นครั้งหนึ่ง เมื่อทราบว่าพระผู้ชราภาพที่วัดหนึ่งต้องสรงน้ำเย็นในช่วงฤดูหนาว เธอจะติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นถวายท่านทันที เป็นต้น

ชลิดาทำงานกับธนาคารกสิกรไทยตั้งแต่สำเร็จการศึกษาจนเกษียณอายุ เธอเป็นพนักงานที่มีคุณภาพ ปฏิบัติงานจนประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชาและยอมรับในความสามารถ นับเป็นบัณฑิตอักษรศาสตร์ที่ไปเติบโตในวงการธนาคารคนหนึ่ง ทุกวันนี้เธอยังคงซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อองค์กรนี้มาก แม้จะไม่ได้ทำงานให้แล้วก็ตาม

ดาราณีย์ ตันชัยสวัสดิ์

ดาณีย์มีความเจิดจรัสมาตั้งแต่ครั้งเป็นนิสิตอักษรจนกระทั่งปัจจุบัน  เมื่ออยู่อักษร ดาณีย์มีบุคลิกเป็นผู้นำ กล้าหาญ จิตใจอ่อนโยน มีความคิดริเริ่มทันสมัย และชอบทำกิจกรรมเพื่อสังคม ตอนอยู่ปีสี่ ดาณีย์เคยจัดเสวนาเรื่องการทำแท้งซึ่งเป็นหัวข้อที่สังคมให้ความสนใจอยู่ในขณะนั้น โดยเชิญ ศ.คุณหญิงจินตนา ยศสุนทรมาเป็นผู้นำการเสวนา ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม มีนิสิตเข้าฟังอย่างล้นหลามที่ห้อง 10  งานจุฬางานหนึ่งที่ดาณีย์ไม่ยอมพลาดสักปีเดียวคืองานวันทรงดนตรี วันที่ 20 กันยายน เพราะนอกจากจะได้เข้าเฝ้าในหลวงแล้ว วันนี้ยังตรงกับวันเกิดของดาณีย์อีกด้วย

ดาณีย์มีพรสวรรค์ด้านการขีดเขียนสมกับเป็นชาวอักษร ได้ฝากผลงานเป็นเรื่องสั้นสไตล์โรแมนติกในนามปากกา "รัศมีดารา" ลงพิมพ์ในนิตยสารศรีสัปดาห์ มีแฟนคลับติดตามอ่านกันงอมแงม ความสามรถด้านนี้ส่งผลให้ดาณีย์ได้มาทำงานด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ธนาคารกสิกรไทย ดาณีย์ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในวงการประชาสัมพันธ์ มีส่วนสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ของธนาคารภายใต้สโลแกน "บริการทุกระดับประทับใจ" งานของกสิกรไทยขยายออกสู่สังคมด้านต่างๆ ไปจนถึงเรื่องการพัฒนาประเทศ เช่นการปลูกป่าที่จังหวัดน่าน โดยดาณีย์เป็นผู้ประสานงาน

ดาณีย์ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการทำงาน ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ ยังทำงานไม่หยุด อย่างไรก็ตาม ดาณีย์ยังให้เวลาเข้าร่วมกิจกรรมที่เพื่อนอักษรจัดอยู่เสมอ  ดาณีย์ไม่เคยลืมพระคุณของแหล่งเรียนมา ให้ความร่วมมือช่วยเหลือตลอด ที่ทำอยู่ทุกปีนี้ก็คือ เป็นกรรมการตัดสินการประกวดสุนทรพจน์ของจุฬาฯ

เพื่อนอักษรศาสตร์รุ่น 35 ขอแสดงความชื่นชมและเห็นพ้องต้องกันมอบความเป็นอักษรจรัสแก่ดาราณีย์ ตันชัยสวัสดิ์ ด้วยความรักและภาคภูมิใจในเพื่อนคนนี้อย่างยิ่ง                           

ธนาลัย ลิมปรัตนคีรี

เพื่อนอึ่ง ธนาลัย ลิมปรัตนคีรี แม้เกษียณอายุแล้ว ยังคงรับใช้ชาติด้วยการไปรับบริหารจัดการโรงเรียนอนุบาลวัดธาตุทองมานานระยะหนึ่งแล้ว. ด้วยประสบการณ์ ความรอบรู้และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและทันเหตุการณ์ทันยุคสมัย เพื่อนอึ่งได้ปรับปรุงพัฒนาระบบการเรียนการสอนในโรงเรียน ทำให้เด็กๆได้เรียนได้เล่นและเสริมทักษะในเรื่องต่างๆออกไปอย่างมาก. รวมทั้งเป็นตัวอย่างที่ดีให้พ่อแม่เด็กๆตระหนักรู้ถึงอะไรต่ออะไรอีกมาก อะไรควรไม่ควร. นับว่าเพื่อนอึ่งมีความอดทนเป็นเลิศ บวกกับเมตตาจิตที่มีต่อเด็กๆ  ปลูกฝังสิ่งดีๆให้ในวัยเด็กนี้แหละที่จะทำให้ในอนาคต บ้านเมืองจะมีผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ. เด็กคืออนาคตของชาติจริงๆเพราะผู้ใหญ่ยุคปัจจุบันแก่เกินสอนแล้ว พวกเขาได้ซึมซับความไม่เข้าท่าจากสภาพสังคมไทยแบบ “ ใครมือยาวสาวได้สาวเอา “ มาตลอดชีวิต จึงยากยิ่งที่จะเปลี่ยน แต่เพื่อนอึ่งคิดว่า ยังไม่สิ้นหวัง เพราะลูกหลานคือเครื่องมือสะกิดจิตสำนึกของผู้ใหญ่ที่อาจเบนไปในทางที่ดีขึ้นได้. ข้าพเจ้าติดตามดูการทำงานของเพื่อนอึ่งในด้านต่างๆอยู่ห่างๆ และก็ชื่นชมอยู่ในใจเสมอมา.

ข้าพเจ้าอดตื้นตันใจไม่ได้ว่า การทำดีของคนๆหนึ่ง แม้มิได้เปลี่ยนสังคมในชั่วข้ามคืน  ก็เกิดสิ่งดีงามขึ้นแล้วในใจเด็กๆจำนวนมากของโรงเรียนที่เพื่อนอึ่งเข้าไปบริหารจัดการ. ผอ.คนนี้ใช้ชีวิตใกล้ชิด ทำกิจกรรมร่วมกับเด็กทุกโอกาส รวมถึงการยืนคอยดูเด็กแต่ละคนที่เดินเข้าโรงเรียนมาในตอนเช้า มีพ่อแม่มาส่งไหม อย่างไรฯลฯ  ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่เพื่อนอึ่งทำให้แก่สังคมโรงเรียนที่เธอรับผิดชอบด้วยจิตเมตตากรุณาหมดหัวใจเธอ

นงลักษณ์ ใจสงฆ์ เทร็พพ์

นาม นงลักษณ์  ใจสงฆ์   มีความหมายดี  นงลักษณ์ แปลว่า “นางผู้มีลักษณะดี นางผู้มีขวัญดี”  ส่วน ใจสงฆ์ แปลว่า “หมู่หรือกลุ่ม” และโยงไปถึงความเป็นสงฆ์ ผู้มีเมตตาธรรม    นงลักษณ์ได้ใช้ชีวิตในต่างแดน หลายประเทศ จนตั้งรกรากอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ตามภูมิลำเนาของสามีผู้เป็นแพทย์ผู้มีชื่อเสียง   อี๊ดได้เลือกเส้นทางงานสังคมสงเคราะห์แก่หญิงไทยในต่างแดนผู้ประสบปัญหานานับประการ   ช่วงเวลายี่สิบปี ที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งองค์กรเครือข่ายรวมหญิงไทยในต่างแดน เพื่อเป็นที่พึ่งแก่หญิงไทย ผู้ตกทุกข์ได้ยาก หรือถูกเอารัดเอาเปรียบ  เพื่อสอนให้ผู้หญิงรู้จักสิทธิของตนเองในสังคม การกระตุ้นให้หญิงไทย และลูกหลานลูกครึ่งไทยทั้งหลาย เรียนรู้วัฒนธรรมไทยในรูปแบบต่างๆทั้งภาษา ศาสนา หรืออาหารการกินเป็นต้น  รวมทั้งการเข้าถึงภาษาและวัฒนธรรมท้องถิ่น ค่านิยม วิถีการดำเนินชีวิต วิธีคิด วิธีแต่งตัว เพื่อให้ แต่ละคน พัฒนาศักยภาพและใช้โอกาสของระบบสังคมสงเคราะห์แต่ละชาติให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองและครอบครัวในแขนงต่างๆให้มากที่สุด

ความยากลำบากในพันธกิจของเพื่อนอี๊ดจึงอยู่ที่การดูแลใส่ใจช่วยเหลือหญิงไทยระดับรากหญ้าที่มีปัญหา  เพื่อนอี๊ดเปิดโทรศัพท์ hot line ยี่สิบสี่ชั่วโมง  เพื่อรับฟังปัญหาและแนะนำช่วยเหลืออย่างทันเวลา   หากมิใช่นงลักษณ์ผู้มีขวัญกำลังใจดีมากจากสามีและลูกๆ  หากมิใช่นงลักษณ์ ผู้มีจิตสาธารณะนึกถึงหญิงไทย ด้อยโอกาสในต่างแดน  องค์กรนี้คงยุบหายไปแล้วเพราะขาดผู้ถือบังเหียนอย่างนงลักษณ์ ใจสงฆ์เพื่อนของเราคนนี้

ปัจจุบันเครือข่ายหญิงไทยในต่างแดนได้ขยายออกไปถึง 15 ประเทศในยุโรป  และที่น่าภูมิใจสำหรับพวกเราคือ องค์กรสตรีอุดมศึกษาสวิสได้เลือก เพื่อนนงลักษณ์ ใจสงฆ์ เทร็พพ์ เป็น”สตรีดีเด่นประจำปี”  จากการทำงาน พัฒนา สังคมเพื่อชุมชนไทย และงานส่งเสริมกีฬาแบดมินตันเยาวชนในสวิสเซอร์แลนด์   นับเป็นชาวต่างชาติ น้อยคนที่ได้รับเกียรติเช่นนี้  

เพื่อนอี๊ดบอกว่า หากเราช่วยหญิงไทยในชาติใด ก็เท่ากับช่วยสร้างสังคมของชาตินั้นไปด้วย   ช่วยลดปัญหา สังคมลงไป   และทำให้การอยู่รวมกันหลายเชื้อชาติหลายศาสนาเป็นไปด้วยดี  ธำรงอุดมการณ์ ของความรักในมนุษยชาติที่ไร้พรมแดน

เพราะเพื่อนอี๊ดเป็นที่พึ่งของหญิงไทยในต่างแดนจำนวนมาก   ในงานพบปะสังสรรค์ประจำปีพวกน้องๆคนไทยร่วมกันร้องเพลง หนึ่งในร้อย ให้อี๊ดนงลักษณ์โดยเฉพาะ   และเธอเป็นหนึ่งในร้อยรุ่นของ อักษรฯ

นีรนุช ปัทมสูต

นีรนุช ปัทมสูต คู่ชีวิตของศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ผู้กำกับ นักแสดง) พ.ศ. ๒๕๕๓   -สุประวัติ ปัทมสูต- เป็นอักษรจรัสที่เจิดจ้าอยู่ในใจทั้งเพื่อนและสาธารณชน เมื่อแรกเข้าคณะอักษรศาสตร์ นุชเดินขึ้นระเบียงเทวาลัยอย่างเฉิดฉายและมั่นใจด้วยกระโปรงตีเกล็ดทรงนักเรียนมัธยมจากโรงเรียนศรีอยุธยาและโรงเรียนเตรียมฯ  จึงเป็นความโดดเด่น เก๋ไก๋แบบเฉี่ยวๆไม่เหมือนใครของนุช ครั้งแรกที่รู้จัก นุชมีเสน่ห์จากใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้ม อารมณ์แจ่มใส และน้ำเสียงเสนาะโสต คุยไปคุยมารู้สึกว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนทันสมัยและมีความเป็นไทยเดิม เคยฟังนุชอ่านทำนองเสนาะ อ่านออกเสียงได้ไพเราะตามลีลาของบทร้อยกรอง ด้วยระบบเสียงสูงต่ำ จังหวะสั้นยาว ทำให้รู้สึกประทับใจมาก และประทับใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นนุชยืนอยู่หน้าไมโครโฟนบนเวทีหอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะนักร้องสมาชิกวงดนตรีสากล ส.จ.ม. หรือวงซี.ยู.แบนด์ นอกจากร้องเพลงสากลสะกดผู้ฟังให้ตราตรึงได้ทั้งหอประชุมฯแล้วนุชยังร้องเพลงไทยเดิมได้ไพเราะ  รำละครได้งดงามอีกด้วย

นุชเป็นผู้มีจิตอาสา ใช้ความสามารถในการแสดงออกทางศิลปะ ใช้ทั้งพลังร่างกาย  พลังจินตนาการ  รวมถึงความรู้สึกที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจมาผสมผสาน เป็นสื่อนำการเรียนรู้ของสังคม ในช่วงเวลานั้นเกิดกระบวนการ อนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมให้ดำรงอยู่และได้มีการฟื้นฟูการแสดงที่เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร) นำมาสร้างสรรค์ภายใต้แรงบันดาลใจเมื่อครั้งเดินทางไปยุโรปเมื่อปี พ.ศ. 2434 และมีโอกาสได้ชมการแสดงโอเปร่า  จึงนำกลับมาประยุกต์ให้เป็นแบบไทย เพื่อสร้างความแปลกใหม่ ร่วมกับสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ผู้ทรงเชี่ยวชาญในการดนตรี เป็นการผสมผสานระหว่างความสวยงามของละครใน ความรวบรัดของละครนอก และความอลังการของโขนที่ผู้ร้องก็ร้องไปตามบทว่า ผู้รำต้องร้องเองในบทของตัวเอง ผู้แสดงต้องมีคุณสมบัติพิเศษ คือ นอกจากต้องมีเสียงดี ขับร้องเพลงไทยได้ไพเราะ ยังต้องมีรูปร่างงดงาม รำสวย ซึ่งไม่ใช่ผู้ใดก็ได้ที่จะแสดงได้ นุชเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนของการแสดงละครดึกดำบรรพ์ จึงอาสาสมัครเล่นละครดึกดำบรรพ์เรื่องหนึ่งของอาจารย์สมภพ จันทรประภา เพื่อให้การสืบสานวัฒนธรรมดำเนินไปอย่างราบรื่นและสมบูรณ์แบบ ก็ด้วยผลแห่งการเป็นนักแสดงอาสาสมัครจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนี่แหละ จึงได้พบกับผู้ที่เป็นคู่แท้อยู่ด้วยกันมาจนปัจจุบันมากกว่าสี่สิบปีแล้วกระมัง นอกจากนี้ นุชยังได้เป็นหนึ่งในบรรดานักแสดงกิตติมศักดิ์ระดับแถวหน้าของวงการละครเวทีและวงการบันเทิงร่วมแสดง "แมคเบธ" ละครเวทีครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 40 ปีแห่งการก่อตั้งภาควิชาศิลปการละคร และโอกาสอันเป็นปฐมฤกษ์ในการเปิดโรงละครแห่งใหม่ “ศูนย์ศิลปการละคร สดใส พันธุมโกมล” (ชั้น 6 อาคารมหาจักรีสิรินธร) คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นุชทำงานที่ธนาคารกรุงเทพฯ แต่ก็ยังโลดแล่นอยู่ในวงการการแสดงที่มากด้วยความสามารถ เล่าขานกันว่าเป็นนักแสดงที่ตีบทแตกกระจุย เป็นที่รู้จักกันทั้งประเทศ ไม่ใช่เพราะนุชเป็นน้องของพี่แดง นันทวัน เมฆใหญ่ นักแสดง นักร้องเพลงลูกกรุงหรือเป็นภริยาของสุประวัติ ปัทมสูต ศิลปินแห่งชาติ แต่เป็นเพราะตัวตนของนุชเองที่มีพรสวรรค์และได้พัฒนาบุคลิกลักษณะที่พึงประสงค์ตั้งแต่สมัยเด็กที่โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ เติบโตในครอบครัวของข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คุณพ่อเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ มีความเข้าใจในธรรมชาติ  สิ่งแวดล้อม  วิถีชุมชน มีความซื่อสัตย์  มีเมตตา  ใจกว้าง  กล้าหาญ  มีความเป็นอิสระ  มีความเสมอภาค  มีความอ่อนน้อมถ่อมตน  มีความรับผิดชอบ  มีวินัยในตัวเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่ดีของนักแสดง ปัจจุบัน แม้งานแสดงของนุชจะน้อยลงมีเพียงงานละครเวทีและงานภาพยนตร์อยู่บ้าง แต่นุชก็มีความสุขอยู่กับการอุทิศตนให้กับธรรมชาติและงานศิลปะหลากรูปแบบ เป็นต้นว่า วาดภาพสีน้ำ ถักโครเชต์ ปลูกต้นไม้ อาสาสมัครแสดงละครร้องและกำกับการแสดงละครเวทีบทพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวให้กับรุ่นน้องโรงเรียนศรีอยุธยา อ่านทำนองเสนาะ พิธีกร ร้องเพลงและร่วมแสดงในเวทีต่างๆทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะงานการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย งานการกุศลเพื่อรณรงค์หาเงินและจัดหารายได้เพื่อการสงเคราะห์ชุมชน ฯลฯ เป็นต้น นุชจึงเป็นอักษรจรัสที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งแห่งรุ่น 35 ภูมิใจที่ได้เป็นเพื่อนของนุช



ประภาพรรณ เทวกุล ณ อยุธยา (อิ่มพูลทรัพย์)

ประภาพรรณ เทวกุล อยุธยา (อิ่มพูลทรัพย์)

 ความเจิดจรัสของแพะไม่ได้อยู่เพียงการเป็นภริยาบุคคลสำคัญของประเทศ  ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุลฯ ขุนคลังคนสำคัญนับแต่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลหลายสมัย  แต่แพะยังเป็นสาวอักษรฯ ผู้องอาจ ก้าวข้ามไปทำงานด้านการเงิน  ไปเรียนปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยคอร์แนล  สหรัฐอเมริกา  และทำงานแบงค์กสิกรไทย จนมีตำแหน่งบริหาร เป็นที่ภาคภูมิใจของเพื่อนอักษรฯที่คอยแต่จะหลบเลี่ยงให้ไกลแสนไกลจากตัวเลข  ตำแหน่งสูงสุดคือผู้อำนวยการฝ่ายงบประมาณและวางแผน และผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายจัดองค์การและระบบ วางระบบค่าตอบแทนทำให้ธนาคารสามารถจ้างคนที่มีคุณภาพ รวมทั้งรักษาพนักงานที่มีคุณภาพไว้ได้ และเตรียมคนที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตของธนาคารไว้ได้ล่วงหน้า วางระบบข้อมูลการเงินเพื่อการบริหารเพื่อการบริหาร(Management Information System)  ตั้งแต่การทำความเข้าใจลักษณะความต้องการใช้งาน (users’ requirements) แล้วปรับปรุง Chart of Accounts เพื่อเก็บข้อมูลบัญชี  ออกแบบ output reports เพื่ออ่านวิเคราะห์ข้อมูล  จนถึงควบคุมการเปลี่ยนถ่ายระบบพร้อมกันทุกจุดทั่วประเทศ  ทำให้ธนาคารมีระบบข้อมูลการเงินที่ทันสมัย ใช้ประโยชน์ในการปรับทิศทางการดำเนินงานของธนาคาร รวมทั้งการปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยขึ้นลง ได้ทันเหตุการณ์ผันผวนทางเศรษฐกิจของโลกในขณะนั้น  อีกทั้งยังเป็นผู้สอนและเป็นหัวหน้ากลุ่มผู้สอน ผู้บริหารทั่วประเทศของธนาคารกสิกรไทย ในเรื่อง Management Decision Making และเรื่อง Performance Appraisal   โดยสอบได้รับใบอนุญาตของ Kepnor Tregoe Management Company เป็น licensed instructor    ทั้งหลายทั้งปวงเป็นความสามารถของนักบริหารการเงินที่ชาวอักษรภูมิใจยื่ง

ในช่วงหลายสิบปีหลังนี้ แพะยังมีส่วนสนับสนุนและพัฒนาเศรษฐกิจของชาวเชียงราย ด้วยการสร้างงานให้ทำ สนับสนุนงานของศิลปินท้องถิ่น ซื้อที่ดินไว้ “ปลูกป่า...เนื่องจากเห็นว่าเมืองเชียงรายมีแต่สิ่งก่อสร้างเต็มไปหมดแล้ว  แพะอยากเห็นท้องฟ้าโล่งๆ ธรรมชาติเขียวขจี”

ประยงศรี พัฒนกิจจำรูญ

เมื่อนึกถึงเพื่อนแดงประยงศรี นึกเห็นภาพกำลังง่วนทำนั่นทำนี่ เพื่อบริการเพื่อนๆ แดงมีวิธีการพูดที่ทำให้คนฟังรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญและมีความหมายต่อเพื่อนคนอื่นๆ  เพื่อนแดงเป็นคนกลางระหว่างครูบาอาจารย์กับพวกเรา เหมือนมีสายด่วนพิเศษที่เข้าถึงตัวท่านอาจารย์ได้โดยตรงและทันทีทันใด และยังเป็นผู้เชื่อมระหว่างเพื่อนๆที่ทำงานที่คณะอักษรศาสตร์กับเพื่อนๆนอกคณะฯ และไม่ว่าใครจะมีสีใดประจำใจ เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนสำหรับแดงประยงศรีคนนี้  ความใจกว้างรับความแตกต่าง ความมีจิตเอื้อเฟื้อบริการเพื่อนๆ โดยที่ไม่ต้องปริปากขอให้ช่วย แดงทำสิ่งที่เธอทำได้ทันทีอย่างเงียบๆอยู่ข้างหลังและที่ทำให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น ความถ่อมตนเป็นอุปนิสัยเด่นของเพื่อนแดง ผู้ทำทุกอย่างเพื่อให้เพื่อนคนอื่นโดดเด่นเหนือตนเอง

ขอเปิดเผยว่าในชีวิตส่วนตัวหลังเกษียณ เพื่อนแดงออกจะสนุกสนานผิดคนอื่นๆเพราะการมีสปิริตมุ่งไปข้างหน้าและตัดสินใจทำสิ่งที่อยากทำให้เป็นจริง คือการไปเรียนเต้นรำเพื่อออกกำลังกาย ที่เพื่อนแดงชอบและสนุกสนาน เห็นใบหน้าเพื่อนแล้ว ก็พลอยปลื้มปิติไปด้วย

ขอบคุณแดง ประยงศรี พัฒนกิจจำรูญ เพื่อนผู้คอยสาน คอยผนึกความสัมพันธ์ระหว่างเรา

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วงเดือน นาราสัจจ์

 เพื่อนแดง วงเดือน นักประวัติศาสตร์ขึ้นชื่อในรุ่นเรา นอกจากทำหน้าที่อาจารย์และนักวิจัยในฐานะภาคีสมาชิกราชบัณฑิตยสถานแล้ว  ยังคอยแซะพวกเราออกจากมุมสงบในบ้านแต่ละคน พาพวกเราออกไปยังดินแดนต่างๆทั่วไทย 

 แรกๆ ต่างกระวนกระวายใจไม่น้อย เพราะความสูงวัยที่ผนึกแนบกับความขี้เกียจ เพื่อนแดงจัดอักษรสัญจรเฉพาะรุ่นเรา นำเพื่อนๆไปชื่นชมวิถีไทย ชุมชนไทย อาหารและผลิตภัณณ์ท้องถิ่น.  เอาความรอบรู้ทั้ง facts และ supra-facts ที่เป็นเกร็ดข้อมูล คู่ขนานกับข้อมูลทางการ มาเล่าให้เพื่อนๆฟัง  เล่าได้เป็นฉาก เป็นซีรีส์เกี่ยวกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนดังในสังคมไทย  เล่าได้ไม่รู้จบเหมือนสายน้ำไหลของแม่น้ำเจ้าพระยา ทุกคนยอมรับว่าเพื่อนแดงมีความสามารถและความจำเป็นเลิศ 

ยังต้องพูดถึงอาหารที่เพื่อนแดงพาไปรับประทานตามถิ่นต่างๆทั่วไทย  เป็นอาหารไทยท้องถิ่น มิได้เป็นอาหารขั้นเทพ (เทพอิ่มความดี ความงามและความสุนทรีย์). เป็นอาหารผลงานของสามัญชนคนไทย ที่รักและใส่ใจในอาหาร บวกจิดเอื้อเฟื้อกับจิตบริการ. เราพอใจกันเสมอ อิ่ม อร่อยและไม่แพง เพื่อนแดงรู้จักและมีเครือข่ายที่ทำให้พวกเราได้ไปในที่ที่ดีที่สุด สมควรที่สุดในทุกกรณี

หลังจากได้สัมผัสความเป็นยอดของอักษรสัญจรแบบวงเดือนแล้ว ทุกคนต่างกระวีกระวาด

จองที่นั่งสำหรับครั้งต่อๆไป ตัดหน้าใครได้ก็ทำ  เพราะความบันเทิงในการออกไป(เฮฮา)แบบนี้นั้น ต่อชีวิต และไปกับใครก็ไม่สนุกสนานเท่า.    

ขอบคุณแดง >> วงเดือน นาราสัจจ์  เพื่อนผู้แจ่มจรัสในใจของพวกเรา

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ศิรินนา บุณยสงวน

ความจรัสในด้านการทำงาน เมื่อเรียนจบอักษรศาสตร์ ศิรินนา รับราชการเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาภาษาต่างประเทศ ของคณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 6 ปี แล้วย้ายมาสอนที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ อีก 33 ปี จนเกษียณอายุ ในระหว่างการทำงาน ศิรินนาเป็นข้าราชการที่มีคุณูปการต่อมหาวิทยาลัย และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์จนได้รับการคัดเลือกเป็น ข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2541 นับว่าเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ว่า "คนที่จบอักษรจุฬาฯทำได้ทุกอย่าง และทำได้ดีด้วย"

                 ความจรัสในด้านสังคม ศิรินนามีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม มีเพื่อนมากมายหลายกลุ่ม ทั้งเพื่อนอักษรศาสตร์ เพื่อนโรงเรียนเก่า เพื่อนร่วมงานในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และกลุ่มภริยาเพื่อนวิศวะของสามี ฯลฯ ศิรินนามีน้ำใจเอื้ออารี ให้ความช่วยเหลือ และร่วมมือร่วมใจทำกิจกรรมกับเพื่อนทุกกลุ่มเสมอหน้า จนเป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของเพื่อนทุกคน ไม่ว่าจะมีงานสังคมใดและกิจกรรมเพื่อส่วนรวมใดก็ตาม มักจะเห็นศิรินนาร่วมอยู่ด้วยเสมอ  โดยเฉพาะในแวดวงเพื่อนอักษรศาสตร์ปัจจุบัน ศิรินนาได้ช่วยทำกิจกรรมของกลุ่มหลายโครงการ เช่น  เป็นผู้ช่วยนายทะเบียนทำหนังสือทะเบียนรุ่น ในการนี้ต้องรวบรวมรูปถ่ายและประวัติของเพื่อนร่วมรุ่นทุกคน ซึ่งต้องใช้เวลาและความเพียรพยายามในการติดตามข้อมูล และเรียนรู้โปรแกรมไอทีในการจัดเก็บข้อมูล เมื่อโครงการนี้สำเร็จก็จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมรุ่นมาก

ด้วยเหตุผลดังกล้่าว จึงเห็นสมควรให้ ศิรินนา บุณยสงวน เป็นอักษรจรัส อันหมายถึงอักษรผู้โดดเด่นและเป็นที่รักของเพื่อน

พรทิพย์ วัฒกวณิชย์

เพื่อนๆรักอ๊อด ฟังแล้วสามัญเกินไป ขอเจาะจงเพิ่มว่าเป็น unconditional love !  เขียนแล้วยังไม่สะใจ. ตั้งแต่ปีหนึ่งอักษรฯ ความที่อ๊อดเป็นหนึ่งในสามสาวสามเสาของรุ่น และเป็นผู้แข็งแรง ปราดเปรียว คล่องตัว จึงถูกพี่ๆเกณฑ์ไปเป็นนักกีฬาของคณะฯ เข้าร่วมในทุกประเภทไม่ว่าลู่หรือลาน บนบกหรือในน้ำ เช่นในกีฬาโปโลน้ำ ทั้งๆที่อ๊อดว่ายน้ำไม่แข็งก็ได้เหรียญทองตลอดนะ มีเพื่อนแป้นช่วยอยู่   ในที่สุดอ๊อดเป็นหน้าเป็นตาของคณะอักษรฯ ว่ามิใช่มีแต่คนสวยเท่านั้น นักกีฬาจริงๆก็มีเช่นกัน. ปีสี่เมื่ออ๊อดถูกเพื่อนๆเลือกเป็นเอกฉันท์ให้ไปเป็นผู้แทนคณะประจำสจม. อ๊อดต้องเสียสละเวลาเรียนไปรับใช้คณะ ไปประชุมไปทำกิจกรรมกับคณะกรรมการสจม.เป็นประจำ  เช่นนี้ถ้าไม่ใช่คนเก่งจริง ก็สอบตกซ้ำชั้นแล้ว แต่เพื่อนอ๊อดสอบผ่านทุกวิชามาได้

ในวัยเกษียณที่มีการจัดไปเที่ยวเป็นกลุ่มๆกัน เพื่อนอ๊อดบินจากอเมริกามาร่วมทีมสัญจร เป็นสมาชิกทัวร์ที่ทำให้เพื่อนลูกทัวร์หัวเราะเบิกบานท้องคัดท้องแข็ง เพราะความช่างสังเกตในสิ่งต่างๆที่คนไทยมองไม่เห็นหรือคุ้นจนไม่สนใจ เช่นการใช้ภาษาไทยที่สื่อและส่อนัยอื่นที่ผู้เขียนคิดไม่ถึงหากอ่านตัดคำผิดไป

เพื่อนอ๊อดใจกว้างกับมีจิตเมตตา ไม่พูดพล่าม หากพูดดีไม่ได้ ก็ไม่พูดถึงใคร. ช่างสังเกตและเป็นคนอ่านละเอียด เก็บประเด็นเล็กประเด็นน้อยได้ครบ. วาง ego ลงและลับปัญญาด้วยการเปิดตาเปิดใจรับรู้ทุกอย่างรอบตัว สร้างวิจารณญาญของตนเองอย่างชาญฉลาด

ขอคารวะเพื่อน พรทิพย์ (วีระพงศ์) วัฒกวณิชย์   ผู้เป็นอักษรจรัสแบบอย่างของรุ่น 35

ภาวิไล บุราวาศ

ภาวิไล   บุราวาศ

"หนู" หรือ "หนูภา" ภาวิไล (ดิษยมณฑล)บุราวาศ ... ด้วยความแจ่มใส มนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม จึงมีเพื่อนหลากหลาย ผูกมิตรได้อย่างรวดเร็ว และยั่งยืน เขียนหนังสือน่าอ่าน สนุก แฝงอารมณ์ขัน

"หนู" เป็นศูนย์กลางประสานงานกับเพื่อนๆด้วยสื่อสมัยใหม่ และได้ทำงานเพื่อเพื่อนๆโดยอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด เธอเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย งานเพื่อน งานราษฎร์ หรืองานหลวง"หนู"ไม่เคยขาด ขณะนี้เธอกำลังทำหน้าที่นายทะเบียนของรุ่นอักษรศาสตร์ และ จุฬาฯ 2510 เพื่อนๆขอยืนยันว่าเธอมีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นนายทะเบียนยุคดิจิทัล นอกจากว่าเธอต้องเสียสละเวลา ตั้งใจ และอุทิศตนเพื่อให้งานผ่านไปอย่างราบรื่น

แม้จะมีภาระกิจท่วมตัว "หนู"ก็ยังเป็นลูกกตัญญู ดูแลมารดาสูงวัยอย่างใกล้ชิด เป็นย่าเป็นแม่ที่สนิทสนมและเป็นที่รักของลูกหลาน

จากการที่ผ่านงานทั้งธนาคาร โรงแรม และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายทรัพยากรบุคคล และปัจจุบัน เป็นที่ปรึกษาทางด้านทรัพยากรบุคคลที่โรงเรียนนานาชาติ แสดงถึงประสบการณ์ที่เพิ่มพูนและความสำเร็จในการทำงาน  และด้วยวัยที่งามด้วยการแต่งกายสมวัย เหมาะกับกาละเทศะ ด้วยภาพของคุณย่ายังสาว ที่ดูแลสุขภาพกายและใจเป็นอย่างดี

ดั่งคุณสมบัติทั้งปวงของ"หนู"ที่กล่าวอ้างมานี้ เธอจึงเหมาะสมที่จะเป็น'อักษรจรัส'ของเพื่อนๆตลอดไป

มาลี ตันติกุล

เมื่อนึกถึงแมรี่ ต้องเห็นใบหน้ายิ้มเบิกบานเต็มที่พร้อมเสียงก้องกังวานของเธอ. เพื่อนแมรี่เป็นภาพลักษณ์ของความสุข ของการมองโลกในแง่ดี และของการอุทิศตนเพื่อการเรียนการสอน  นึกถึงบรรดาลูกศิษย์ของแมรี่จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ที่เธอสอนมาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนปีพศ.2516  เธอมีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง  และที่น่าประทับใจ ลูกศิษย์ทั้งหลายซึ่งบัดนี้อยู่ในวัยสามสิบสี่สิบแล้ว ยังคงวนเวียนมาคารวะคุณครูมาลีอยู่เสมอ มีอะไรในชีวิตคนๆหนึ่งที่นำความภูมิใจได้มากไปกว่านี้หรือ? บุคลิกของเธอกับความทุ่มเททุ่มใจสั่งสอนปลูกฝั่งลูกศิษย์ ทำให้เธอเป็นที่รักของทุกคน แน่นอนลูกศิษย์รู้ว่า ใครสอนไปตามหน้าที่กับใครสอนเขาด้วยความรักด้วยหัวใจ

              เรารู้กันว่า แมรี่เคยป่วยหนัก แต่หากมองดูเพื่อนแมรี่ เราไม่มีทางรู้เลยว่า เธอกำลังเจ็บกำลังสู้กับโรคร้าย  ความเบิกบานและมองทุกอย่างในชีวิตด้วยจิตรู้คุณ ทำให้เธอเอาชนะความเจ็บความป่วยได้ในที่สุด  เธอเป็นตัวอย่างสุดวิเศษของ miracle of life  เป็นบทเรียนเตือนสติให้ทุกคน  เมื่อมองดูลูกๆของแมรี่ ที่เกือบจะเป็นภาพสะท้อนของผู้เป็นแม่  เราเห็นความรักชีวิต ความเอื้ออาทร ความใจกว้าง ความอดทน… She is a grace!

              นอกจากนี้ เราก็ไม่ลืมว่า แมรี่ร้องเพลงได้ไม่หยุด ในแต่ละบริบทแวดล้อม เสียงก้องกังวานของเธอทำให้ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆ สร้างความครึกครื้นแก่ผู้ร่วมทางเสมอ. นึกถึงลูกๆของเธอที่เธอร้องเพลงกล่อมมาแต่อ้อนแต่ออก ช่างเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก.

               ขอคารวะเพื่อน มาลี (หลานไทย) ตันติกุล ผู้เป็นหนึ่งความมหัศจรรย์ของการมีชีวิตที่ดีมีประโยชน์

รศ.ดร. กัณฑาทิพย์ สิงหะเนติ

รศ. ดร. กัณฑาทิพย์  สิงหะเนติ   เป็นสาวอักษรคนหนึ่งที่มากไปด้วยความรู้ความสามารถหลากหลายบรรยายได้เป็นหน้าๆเมื่อสมัยเป็นนิสิตน้อยกัณฑ์ก็ตั้งอกตั้งใจเรียนเรียกว่าเป็นหนอนหนังสือตัวยงสามารถศึกษาต่อจนจบปริญญาเอกสร้างผลงานด้านวิชาการระดับแนวหน้า นำเสนอผลงานที่ประชุมนานาชาติ และตีพิมพ์ใน  International Journal กว่า 30 เรื่อง ได้รับรางวัล Research Excellence มาหมาดๆ เป็นวิทยากรรับเชิญในการจัด Workshops Lectureให้มหาวิทยาลัยต่างๆแต่งานที่น้อยกัณภาคภูมิใจที่สุดคือได้รับการเสนอชื่อจากกระทรวง ศึกษาธิการให้ทำงานในองค์กรระหว่างประเทศ “SEAMEO”   และ ได้รับโล่เกียรติคุณจากองค์กร  

นอกจากนี้น้อยกัณฑ์ยังอุทิศตนทำงานเพื่อสังคมและช่วยทำประโยชน์ให้กับหน่วยงานต่างๆหลายหน่วยงาน เป็นที่ซาบซึ้งและประทับใจเพื่อนๆทุกคน เป็นวิทยากรทางวิทยุศึกษา  งานเสวนาให้  พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ   งานเพื่อนพึ่งภา  เธอ เป็นวิทยากรทางทีวีก็ หลายหนอยู่ เช่น ช่อง Thai PBS, TV5,,VoiceTV                     

น้อยกัณฑ์ยังขีดๆเขียนๆเก่ง  เขียน คอลัมน ให้ ข่าวสด ให้ศิลปวัฒนธรรมของ.มติชน  เขียนให้Sense and Scene เป็นสองภาษา ที่เจ้าตัวภูมิใจคือ  เขียนหนังสือเชิงสารคดีเรื่อง “เจ้าจอมก๊กออ”ชึ่งตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 4แล้ว   น้อยกัณเคยจัดทัวรพาเพื่อนๆไปเที่ยวแคชเมียร อิหร่าน อย่างสนุกสนาน (ชอปปิ้ง)  จนเพื่อนๆบางคนติดใจ

และยิ่งไปกว่านั้นคุณสมบัติอีกประการหนึ่งที่อดไมได้ที่จะชื่นชมคือความเป็นหญิงแกร่งsingle momเข้มแข็งสู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อไม่มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตของสาวอักษรคนนี้ได้เลยสมควรได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในอักษรจรัสของรุ่น35

รองศาสตราจารย์ ดร. มณีปิ่น พรหมสุทธิรักษ์

มณีปิ่น เรียกได้ว่า เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าของประเทศคนหนึ่ง นอกจากเรียนหนังสือเก่งแล้ว ปิ่นยังเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง มุ่งมั่นอย่างหาตัวจับได้ยาก  จำได้ว่าตอนที่มณีปิ่นได้รับทุนอานันทมหิดลไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ปิ่นกลับมาแต่งงานและมีลูกคนแรก จากนั้นก็ไปเรียนต่อ ปล่อยลูกเล็กให้สามีดูแลตามลำพัง  ใครที่มีลูกอ่อนคงจะเข้าใจหัวอกของแม่ดี  สุดแสนจะคิดถึงลูก ต้องใช้วิธีอัดเสียงลงเทป ฟังแก้คิดถึง  กระนั้นก็ดี มณีปิ่นก็มุมานะ เรียนจนจบปริญญาเอก แม้ว่าทุนอานันทมหิดลจะไม่มีข้อผูกมัดว่าต้องกลับมาทำงาน แต่มณีปิ่นก็กลับมารับราชการ จนกระทั่งทุกวันนี้ สำหรับเรา มณีปิ่นเป็นคนที่สมบูรณ์แบบในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะจับอะไรก็ทำได้หมด (ทำกับข้าวก็เก่ง และยังสามารถเย็บเสื้อด้วยมือทั้งตัว)  ข้อเสียอย่างเดียวที่พอจะนึกออกคือ ปิ่นไม่มีเวลาให้กับเพื่อนฝูงเท่าที่ควร แต่ถ้าใครที่มีความตั้งใจมั่นเหมือนมณีปิ่น คงจะตระหนักดีว่า คนเราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ในชีวิต และปิ่นก็ได้เลือกในสิ่งที่รัก คืองาน และครอบครัว

วารี (ชินวิทยาภรณ์) ตัณฑุลากร

เมื่อครั้งเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ (ปีการศึกษา 2510-2514) วารี (ชินวิทยาภรณ์) ตัณฑุลากร เป็นคนที่เพื่อนๆรักมาก เพราะนอกจากวารีจะเป็นคนเรียนเก่งแล้ว วารียังโอบอ้อมอารี มีน้ำใจกับเพื่อนฝูงมาก วารีไม่เคยหวงวิชาเลย เป็นที่ทราบกันว่า

วารีจะจดคำบรรยายทุกวิชาอย่างละเอียด นำกลับบ้านไปเรียบเรียงให้เรียบร้อย แล้วจะนำมาให้เพื่อนยืมลอก ตามคำขอร้องของเพื่อนๆในวันรุ่งขึ้น ผลงานของวารีจะเป็นที่ต้องการและเผยแพร่ในหมู่เพื่อนๆ โดยเฉพาะในช่วงที่เรียนอยู่ชั้นปีที่1-2 วารีช่วยเพื่อนๆได้มาก โดยเฉพาะสำหรับคนที่ทำกิจกรรมต่างๆ หรือคนที่ต้องปรับตัวกับชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัยในระยะต้นๆ เพื่อนๆก็จะคัดลอกผลงานของวารีต่อๆกัน บางคนก็จะใช้กระดาษคาร์บอนทำสำเนาเผื่อเพื่อน บริหารจัดการแบ่งหน้าที่กันอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากสมัยนั้นมีเครื่องถ่ายเอกสารน้อยมาก ค่าบริการจะราคาสูง แต่น่าจะเป็นผลดีทางอ้อม เพราะวารีมีส่วนช่วยส่งเสริมให้เพื่อนประสานงานกัน รักและช่วยเหลือกันมากขึ้น พวกเรายังคงพูดถึงวารีในเรื่องนี้เป็นประจำ หลายๆคนถึงกับพูดว่าเรียนจบเพราะวารีทีเดียว

หลังสำเร็จการศึกษา วารีทำงานให้หน่วยงานต่างประเทศ และช่วงท้ายๆ วารีเข้ารับราชการตำแหน่งอาจารย์มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง ทุกวันนี้วารียังทำงานเป็นอาจารย์พิเศษวิชาภาษาอังกฤษ และยังคงเป็นที่ปรึกษาทางวิชาการให้เพื่อนๆ ด้วยความเป็นนักอักษรศาสตร์ของวารี โดยเฉพาะด้านการใช้ภาษาไทย ติดขัดอย่างไรก็จะถามวารีเป็นประจำ วารีจะเป็นผู้ให้ ยินดีช่วยเหลือเพื่อนๆตลอดมา นอกจากนี้ วารีรณรงค์ให้เพื่อนๆให้ความสำคัญเรื่องการออกกำลังกาย ช่วยสอนโยคะให้หลายกลุ่มโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และเพื่อนอักษรฯก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่วารีสอนโยคะให้เป็นประจำทุกสัปดาห์

ด้านบุคลิกภาพ วารีสุภาพเรียบร้อย พูดน้อย แต่กล้าแสดงความคิดเห็นโดยมีจุดยืนที่ชัดเจนและมีเหตุผลมาก วารีให้ความสำคัญกับปัญหาสังคมและบ้านเมือง มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ โดยไม่นิ่งดูดาย อย่างน้อยวารีจะแสดงความคิดเห็นผ่านทางเฟซบุ๊ก (Facebook) เป็นต้น

โดยสรุป วารีเป็นอีกคนหนึ่งที่เพื่อนทั้งรุ่นรู้จัก เพื่อนหลายๆคนระลึกถึงน้ำใจโอบอ้อมอารีของที่มีต่อเพื่อนๆและเป็นหนี้น้ำใจเพื่อนคนนี้ วารีสมควรที่จะเป็นอักษรจรัสของรุ่น35อย่างแท้จริง

วิชนี รัตนพันธ์

 วิชนีหรือที่เพื่อนๆเรียกกันว่าวิช เป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ มีความเป็นนักอักษรศาสตร์ และนักกิจกรรม วิชเป็นเพื่อนที่ทุกคนในรุ่นรู้จัก                

วิชนีมีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม สนุกสนานรื่นเริง มีวาทะที่เฉียบคม และแฝงอารมณ์ขัน ที่เด่นชัดคือ วิชเป็นผู้มีน้ำใจงาม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นนักเดินทางและมีความปรารถนาให้เพื่อนๆได้มีประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดี วิชจะพาเพื่อนๆท่องเทียวต่างประเทศทุกปี โดยรวมทั้งเพื่อนอักษรฯและเพื่อนเตรียมอุดมศึกษาไปเที่ยวด้วยกัน วิชจึงมีเพื่อนมากมาย

            วิชนีเป็นนักอักษรศาสตร์ตลอดชีวิต เมื่อเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ วิชเป็นนักกลอนที่มีความสามารถมาก เพื่อนที่เป็นนักกลอนคนหนึ่งกล่าวชมว่า“วิชเป็นปฏิภาณกวีที่มีฝีมือ” หลังสำเร็จการศึกษาจนกระทั่งปัจจุบันวิชได้ให้ความสำคัญเรื่องการใช้ภาษาไทยมาก วิชใช้ภาษาที่ถูกต้อง คอยเตือนเพื่อนๆที่ใช้ภาษาพลาดไปโดยมีเหตุผลประกอบเสมอ ไม่ใช่แค่เพียงแก้ไขให้ถูกต้องเท่านั้น อีกประการหนึ่งวิชมีความรู้ภาษาอังกฤษดีมาก เป็นนักอ่าน นักดูภาพยนตร์ และนักฟังเพลง ตลอดจนมีความสามารถวิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ทั้งหนังสือและภาพยนตร์ หรือแม้แต่เหตุการณ์บ้านเมืองระดับประเทศ

วิชนีเป็นนักกิจกรรม วิชมีส่วนร่วมในกิจกรรมของคณะฯ และมหาวิทยาลัย เป็นสมาชิกชมรมค่ายอาสาพัฒนาชนบททั้งของจุฬาฯและองค์กรอื่นๆที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม วิชทำงานเพื่อสังคมตลอดมาตั้งแต่สมัยเรียน ปัจจุบันวิชเป็นผู้ประสานงานให้เพื่อนๆทำกิจกรรมดีๆหลายอย่าง อาทิ รณรงค์ให้ช่วยซื้อข้าวอินทรีย์จากชาวนาโดยตรง หรือ เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มนำเสนอและวางแผนงานฉลองครบรอบ 50 ปีของน้องใหม่จุฬาฯปี 2510 เป็นต้น

  ด้วยคุณสมบัติที่บรรยายข้างต้น วิชนี รัตนพันธ์ จึงสมควรได้รับเกียรติเป็นเป็นอักษรจรัส  

 

ศาสตราจารย์ สัญชัย สุวังบุตร

 ในนามเพื่อนๆขอพูดถึง ตู๋ ...เพื่อนรักสักหน่อย.... ตั้งแต่เข้าเรียนในคณะอักษรฯปี 2510   ตู๋เป็นที่รักของเพื่อนๆ ทุกคน เป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดี จิตใจดี อารมณ์ดี สุภาพ อ่อนโยน ถ่อมตน ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นนิจ  ซึ่งเป็นคุณสมบัติส่วนตัว  ในด้านการเรียน ตู๋เรียนเก่ง ช่วยติวเพื่อนๆเวลาใกล้สอบทุกครั้ง

 พวกเราภูมิใจในตัวตู๋มากนะ ตั้งแต่เรียนจบแล้วไปเรียนต่อและกลับมาสอนในมหาวิทยาลัย  ทั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  มหาวิทยาลัยศิลปากร  ได้กลับมานำความรู้ทางประวัติศาสตร์ยุโรปมาสอน  มีความเชี่ยวชาญ มีผลงานทางวิชาการ บทความ บทวิจารณ์ งานวิจัย เขียนหนังสือ-ตำราทางประวัติศาสตร์ยุโรปไว้มากมายในมุมมองที่เรายังไม่เคยรู้  พวกเรายังได้รับแจกผลงานเหล่านั้นหลายเล่มด้วยกัน ล้วนน่าสนใจทั้งสิ้น

 ดีใจที่เพื่อนตู๋ประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต ในหน้าที่การงาน จนเกษียณในปี 2553 แต่ด้วยความรู้ ความสามารถ ตู๋ยังได้รับเกียรติให้สอนต่อจนถึงปี 2558 แต่พวกเราได้รับทราบว่า ปัจจุบันตู๋ยังสอนพิเศษอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร เพราะตู๋มีความรู้ ความสามารถ มีศักยภาพและความมุ่งมั่นรับผิดชอบสูง อีกทั้งมีจิตใจเสียสละเพื่อสถาบัน เพื่อลูกศิษย์   พวกเราภูมิใจและขอบคุณที่มีตู๋อยู่ในรุ่นเรา

สุดท้ายนี้ เพื่อนขออวยพรให้ตู๋โชคดี มีพลังสร้างสรรค์ผลงานต่อไปอีกนานแสนนาน  ผลิตผลงานดีๆมาให้พวกเราได้อ่าน –ศึกษากันอีกนะ  รักตู๋มากๆนะและจะรักตลอดไป...

“วิชาประวัติศาสตร์นั้นสำคัญยิ่ง

เป็นหลักฐานอ้างอิงสิ่งเกิดขึ้น

ได้เรียนรู้ ศึกษา พายั่งยืน

ยังช่วยฟื้นความทรงจำ ย้ำบทเรียน”

ศิริรัตน์ (สิทธิมังค์) ภาศักดี

ศิริรัตน์ (สิทธิมังค์) ภาศักดี หรือที่เพื่อนๆเรียกว่า แดง เป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก เข้ากับทุกคนได้ง่าย คุยสนุก ศิริรัตน์มีสปิริตดี ร่วมกิจกรรมของรุ่นและคณะฯไม่เคยขาด เธอเป็นคนมีน้ำใจล้นฟ้า เสนอตัวเองช่วยงานรุ่น งานของเพื่อนอย่างเต็มที่ อาสาบริการเพื่อนเมื่อมีโอกาส เป็นที่ประทับใจยิ่ง ในช่วงหลังๆอักษรฯรุ่น 35 มีโอกาสพบปะสังสรรค์กันมากขึ้น ศิริรัตน์จะมาร่วมเป็นประจำ และไม่ได้มามือเปล่า เธอมักจะมีของฝากเพื่อนเสมอๆ เป็นของเล็กๆน้อยๆไม่ได้มีราคาค่างวด แต่ล้ำค่าด้วยน้ำใจ จนพวกเราเสียนิสัย เพราะจะคาดหวังของฝากจากเพื่อนคนนี้

โดยเนื้อแท้แล้ว ศิริรัตน์ เป็นคนเก่งทั้งด้านวิชาการและการบริหาร เธอทำงานเก่งมาก  มีความ รับผิดชอบสูง  เธอเป็นคนมีวิสัยทัศน์ ริเริ่มโครงการหลายอย่างให้กับองค์กร สร้างชื่อเสียง สร้างรายได้ให้องค์กร ความเป็นผู้นำเห็นชัดตั้งแต่ยังเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย จัดทำกิจกรรมที่ไม่เคยเกิดขึ้นในองค์กรมาก่อน และประสบความสำเร็จ ได้ความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา และในทีสุด เธอได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดขององค์กรตั้งแต่ก่อนเกษียณอายุราชการ จวบจนหลังเกษียณอายุราชการเธอก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อจนปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๙) เธอจึงมีโอกาสได้สนับสนุนงานของรุ่นหลายครั้งด้วยความเต็มใจ  นอกจากนี้เธอยังเป็นที่รักของผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความน่ารักของเธอ ความโอบอ้อมอารีมีเมตตา และใจเป็นกุศลของเธอ

ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว ศิริรัตน์ (สิทธิมังค์) ภาศักดี สมควรที่จะเป็นอักษรจรัส ของอักษรศาสตร์ รุ่น 35

สุทธินี ยาวะประภาษ

เธอเป็นสาวสูงโปร่ง บุคลิกคล่องแคล่วจากโรงเรียนสตรีวิทยา เข้ากับเพื่อนชาวอักษรฯ 35 ทุกกลุ่มได้อย่างสนิทสนม นิคเนมว่าเจี๊ยบ เจี๊ยบมีแววว่าจะเป็นอักษรจรัสตั้งแต่เป็นนิสิตปีแรกๆ ไม่เพียงแต่เรียนเก่งเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มสม่ำเสมอ เจี๊ยบยังมีจินตนาการล้ำเลิศสมเป็นสาวอักษรฯ หลักฐานยืนยันเห็นจะเป็นการเป็นนักเขียนเรื่องสั้นที่ตีพิมพ์ในนิตยสารศรีสัปดาห์ฉบับแล้วฉบับเล่า(พอๆกับดาราณีย์ ตันชัยสวัสดิ์) เพื่อนๆตั้งหน้าตั้งตาคอยอ่านวรรณกรรมน้อยๆที่เจี๊ยบบรรจงเขียน เรื่องสั้นของเจี๊ยบแฝงด้วยอารมณ์ขัน เมื่อเพื่อนได้อ่านเรื่องของเจี๊ยบแล้วจะพากันหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง เรื่องสั้นของเจี๊ยบไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อไร้สาระ แต่มีการค้นคว้าหาข้อมูลที่ถูกต้อง บางครั้งก็สอบถามจากผู้รู้ อย่างเช่นเมื่อคราวที่อักษรฯจัดมีตติ้งที่สัตหีบ แวะชมสนามบินอู่ตะเภา เจี๊ยบไปเมียงมองเครื่องบินบี 52 แล้วถามพี่ๆทหารเรือว่าเที่ยวบินแต่ละครั้งทิ้งระเบิดไปกี่ลูก เมื่อได้คำตอบเจี๊ยบก็กลับมาเขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกับสงครามเวียดนาม ในช่วงที่นิสิตกำลังตื่นตัวเรื่องการเมือง ตอนเที่ยงหลังอาหารกลางวัน เจี๊ยบจะมานั่งล้อมวงกับเพื่อนบริเวณสนามหญ้าของคณะ ถกปัญหาบ้านเมืองสลับกับกินฝรั่งดองของเทียมมี่ แล้วถึงเข้าห้องเรียน

หลังเรียนจบปริญญาตรี เจี๊ยบยังไม่หยุดเรียน สอบชิงทุนไปที่ประเทศฝรั่งเศส กลับมาได้ไม่ทันไรก็สอบชิงทุนรัฐบาลตามความต้องการของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา จบกลับมาทำงานที่กระทรวงวัฒนธรรม เจี๊ยบได้ใช้ความสามารถทางภาษาทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสอย่างเต็มที่ ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ไหนจะไปบรรยาย เขียนบทความ ร่างสุนทรพจน์ให้เจ้านาย แปลเอกสารต่างประเทศเป็นไทย ไทยเป็นต่างประเทศ จิปาถะ รวมทั้งเป็นผู้แทนประเทศไทยไปประชุมต่างประเทศ ทำงานเกี่ยวกับมรดกโลก เขาพระวิหารและงานวัฒนธรรมอื่นๆ น่าเหน็ดเหนื่อย แต่เจี๊ยบกลับสนุกกับการทำงาน ในหลายๆโอกาส เพื่อนอักษรฯได้รับอานิสงส์จากความเอื้อเฟื้อของเจี๊ยบ ได้เข้าชมการแสดงทางวัฒนธรรมของชาติต่างๆที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เช่นเทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศส มหกรรมรามายณะนานาชาติฯลฯ ได้ยกระดับโสตประสาทให้สูงขึ้น

เจี๊ยบเป็นคนมีน้ำใจไฝ่ธรรมและเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทุกวันอาทิตย์ต้นเดือนเจี๊ยบจะไปช่วยงาน The World Fellowship of Buddhists/The  World Buddhist University บันทึกการเสวนาทางพระพุทธศาสนา(Buddhist Forum)สำหรับชาวต่างประเทศ เมื่อแดง ประยงศรีจัดให้มีการแปลใบเซียมซีเป็นภาษาอังกฤษให้กับวัดใหญ่หรือวัดหลวงพ่อพระพุทธชินราชหรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก เจี๊ยบเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการแปลใบเซียมซีเพื่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าใจความหมายในใบเซียมซีที่เสี่ยงทายได้

ปัจจุบัน เจี๊ยบเป็นที่ปรึกษาของกระทรวงวัฒนธรรม ชาวอักษรฯ 35 มีความภาคภูมิใจในตัวเจี๊ยบ ที่เป็นจักรกลหนึ่งในการสร้างความแข็งแกร่งทางวัฒนธรรมไทยให้แก่ประเทศชาติตลอดมา 

สุธาทิพ ธัชยพงษ์

เพื่อนจี๊ดสุธาทิพ ประธานอักษรรุ่น 35 ของเรา นอกจากการจัดกิจกรรมรวมพลชาวอักษรร่วมรุ่นในวาระต่างๆแล้ว เป็นที่รู้กันทั่วถ้วนหน้าในสังคมไทยว่า เพื่อนจี๊ดทำงานให้องค์การการกุศลอย่างเสมอต้นเสมอปลายมาไม่ต่ำกว่าสามสิบปีแล้ว ทั้งในเรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กกำพร้า

หรือเด็กด้อยโอกาส  การต่อสู้คุ้มครองสิทธิเด็ก(ในศาลเยาวชนและครอบครัว)  การส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กๆ การสร้างใยสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างพ่อแม่ลูกโดยมีหนังสือเป็นตัวกลาง  การนำหนังสือสู่เด็ก นำเด็กสู่หนังสือ  จนถึงการจัดตั้งห้องสมุดหนังสือภาพสำหรับเด็กปฐมวัย  นี่เป็นเพียงการกล่าวอย่างรวบรัด ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความจริงกับความทุ่มเทในการทำงานสังคมสงเคราะห์ของเพื่อนคนนี้ตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา

สำหรับเพื่อนร่วมรุ่น เพื่อนจี๊ดมีไมตรีจิตที่เสมอต้นเสมอปลาย ที่ทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้สบายใจ

และมีความสุข  เพื่อนจี๊ดไม่เคยโอ้อวด ไม่เคยหลงตัว พร้อมจะรับฟังความคิดเห็นและสามารถสรุปนำสิ่งที่ดีที่สุดไปใช้ในการบริหารจัดการกิจการงานต่างๆได้อย่างชาญฉลาดและเรียบร้อย  บนเส้นทางธรรมและทานดังกล่าว  เพื่อนจี๊ดโดดเด่นเป็นดาวอักษรฯของรุ่น 35   เป็นดาวศุกร์ที่เจิดจ้าที่สุดในหมู่ดาวที่พร้อมปลีกตัวออกยามตะวันยอแสงด้วยความถ่อมตน เป็นเพชรเม็ดงามที่ทอประกายสีรุ้ง

เหมือนรอยยิ้มบนใบหน้าของเพื่อนจี๊ดที่ทำให้ทุกสิ่งรอบข้างสว่างไสวในบัดดล  รอยยิ้มที่สยบทุกปัญหาและตรึงใจทุกคนทั้งชายและหญิง เด็กและผู้ใหญ      ขอคารวะเพื่อนคนนี้  สุธาทิพ ธัชยพงษ์          

 

 

 

 

 

 

 

2     รศ.ดร. กัณฑาทิพย์  สิงหะเนติ

รศ. ดร. กัณฑาทิพย์  สิงหะเนติ   เป็นสาวอักษรคนหนึ่งที่มากไปด้วยความรู้ความสามารถหลากหลายบรรยายได้เป็นหน้าๆเมื่อสมัยเป็นนิสิตน้อยกัณฑ์ก็ตั้งอกตั้งใจเรียนเรียกว่าเป็นหนอนหนังสือตัวยงสามารถศึกษาต่อจนจบปริญญาเอกสร้างผลงานด้านวิชาการระดับแนวหน้า นำเสนอผลงานที่ประชุมนานาชาติ และตีพิมพ์ใน  International Journal กว่า 30 เรื่อง ได้รับรางวัล Research Excellence มาหมาดๆ เป็นวิทยากรรับเชิญในการจัด Workshops Lectureให้มหาวิทยาลัยต่างๆแต่งานที่น้อยกัณภาคภูมิใจที่สุดคือได้รับการเสนอชื่อจากกระทรวง ศึกษาธิการให้ทำงานในองค์กรระหว่างประเทศ “SEAMEO”   และ ได้รับโล่เกียรติคุณจากองค์กร   นอกจากนี้น้อยกัณฑ์ยังอุทิศตนทำงานเพื่อสังคมและช่วยทำประโยชน์ให้กับหน่วยงานต่างๆหลายหน่วยงาน เป็นที่ซาบซึ้งและประทับใจเพื่อนๆทุกคน เป็นวิทยากรทางวิทยุศึกษา  งานเสวนาให้  พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ   งานเพื่อนพึ่งภา  เธอ เป็นวิทยากรทางทีวีก็ หลายหนอยู่ เช่น ช่อง Thai PBS, TV5,,VoiceTV                     น้อยกัณฑ์ยังขีดๆเขียนๆเก่ง  เขียน คอลัมน ให้ ข่าวสด ให้ศิลปวัฒนธรรมของ.มติชน  เขียนให้Sense and Scene เป็นสองภาษา ที่เจ้าตัวภูมิใจคือ  เขียนหนังสือเชิงสารคดีเรื่อง “เจ้าจอมก๊กออ”ชึ่งตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 4แล้ว   น้อยกัณเคยจัดทัวรพาเพื่อนๆไปเที่ยวแคชเมียร อิหร่าน อย่างสนุกสนาน (ชอปปิ้ง)  จนเพื่อนๆบางคนติดใจ

  และยิ่งไปกว่านั้นคุณสมบัติอีกประการหนึ่งที่อดไมได้ที่จะชื่นชมคือความเป็นหญิงแกร่งsingle momเข้มแข็งสู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อไม่มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตของสาวอักษรคนนี้ได้เลยสมควรได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในอักษรจรัสของรุ่น35

อัมพร กีรติบุตร

เพื่อนอัมพร กีรติบุตร เธอเป็น “ ปรากฏการณ์ ” ของคณะอักษรศาสตร์. ขอใช้สำนวนว่า เธอเป็น une apparition angélique  ความงามแช่มช้อยของเธอในร่างของนางนพมาศปี 2510 นั้นไม่เพียงแต่พวกเรากันเองต้องตะลึง นิสิตคณะอื่นๆก็เช่นกัน รวมถึง อาจารย์ชาวต่างประเทศ (และอาจารย์ชาย)ของคณะเราที่กล่าวชมอย่างออกหน้าออกตา  เพื่อนอัมพร ทำให้นึกถึงภาพสตรีงามนางในวรรณคดีไทยดังปรากฏในจิตรกรรมของท่านอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต  ภาพของอัมพรในฐานะนักแสดงในภาพยนต์การกุศลต่างๆ ยืนยันความแจ่มจรัส ของเธออย่างต่อเนื่องแม้หลังสี่ปีที่คณะอักษรศาสตร์

สี่สิบห้าสิบปีต่อมาได้กลับมาเห็นอัมพรอีก เธอก็ยังคงความงามในวัยสาวไว้จนทุกวันนี้ แม้จะมิได้เอวบางร่างน้อยเหมือนในวัยแรกรุ่น จริตกิริยาเธอมิได้เปลี่ยน เธอเป็นตัวอย่าง กุลสตรีไทยที่สวยสง่าอยู่เสมอ และเป็นคนใจบุญสุนทานมากอีกด้วย นึกถึงคำร้องในเพลงที่ว่า ผู้หญิงที่สวยอย่างคุณ ทำบุญไว้ด้วยอะไร

เป็นที่รู้กันว่า เพื่อนอัมพรเคยเป็นนักร้องเพลงไทยประจำวงดนตรีสจม.ด้วย ยิ่งเมื่อเธอ ร้องเพลงไทยเดิมแล้ว มันช่างเหมาะกับบุคลิกและจริตกิริยาเธอจริงๆ  หลังเกษียณอายุ เมื่อพวกเรา จัดอักษรสัญจร มีโอกาสไปในรถคันเดียวกันบ่อยๆ ยิ่งทึ่งว่า เธอช่างจำเพลงไทยได้ไม่รู้ลืม ยังคงร้องเสียงเอื้อน ทอดเสียงได้แบบกระชากหัวใจคนฟังตามไปด้วย และเมื่อรวมกับ เสียงของเพื่อนกรองกาญจน์เข้าเป็นคู่ร้องล่ะก็ กลายเป็นโอกาสทองของพวกเราผู้ร่วมไปในรถคันเดียวกัน.

 ขอบคุณความสุขทั้งทางตา ทางหูและทางใจที่เพื่อนปู อัมพร กีรติบุตร ได้มอบให้แก่พวกเรา.

อารดา กีระนันทน์ (สุมิตร)

จุ๋งเป็นกุลสตรีที่เกิดมาพรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติ รูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติ  เรียนเก่ง (ติดบอร์ดในลำดับต้นๆ) สวย (มาก ขนาดคนต่างคณะวิ่งมาดูตัว) ฐานะและครอบครัววงศ์ตระกูลดี (อาจารย์สนั่น สุมิตรเป็นใหญ่อยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ)  

จุ๋งเรียนดนตรีไทยมาแต่เล็ก จนสามารถเล่นซอสามสายเก่งกาจ  เข้าจุฬาฯปีหนึ่งก็ได้รับคัดเลือกจากอาจารย์สดใส พันธุมโกมลให้เล่นละครที่อาจารย์กำกับเรื่อง “ลูกของแม่” และอยู่ปีสองเป็นนางเอกละครของชมรมละคอนจุฬาฯ เรื่อง “ในฝัน” บทประพันธ์ของโรสลาเรน จุ๋งเป็นเจ้าหญิงพรรณพิลาศสุดสวยที่ทำให้คนดูเสียน้ำตาทั้งโรง   จุ๋งถึงพร้อมในทุกด้านอย่างมากล้น...จนทำให้จุ๋งไม่ขาดอะไรที่ต้องแสวงหามาเติมให้เต็ม และกลายเป็นคนถ่อมตัวอย่างที่สุด  จุ๋งจึงยินดีจะหลบอยู่เบื้องหลังตลอด โดยไม่เคยยอมออกหน้า ไม่ยอมนั่งแถวหน้า ทั้งๆที่ทุ่มเททำงานหนักอย่างที่สุด  ในภาควิชาภาษาไทยที่จุ๋งทำงานอยู่ จุ๋งก็ทำงานให้ทุกอย่างโดยหลบหน้าอยู่เบื้องหลัง 

โครงการใหญ่ๆของจุฬาฯ อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์ดาราภิรมย์ ซึ่งเคยเป็นพระตำหนักของเจ้าดารารัศมี ที่จุฬาฯได้เป็นเจ้าของเมื่อหลายสิบปีแล้ว  และโครงการพระตำหนักที่เกาะสีชัง  ก็สำเร็จลุล่วงอย่างสวยงามได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงและความสามารถของจุ๋ง โดยที่ไม่ยอมรับความดีความชอบ  พูดถึงเมื่อไร ก็ปัดไปว่า “เป็นงานของอธิการบดีฯเขา”  ด้วยความเกี่ยวพันทางครอบครัวกับอธิการบดีถึงสามคน (ดร. เทียนฉาย กีระนันทน์  ดร. ธัชชัย สุมิตร และดร. คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์)  ต่อเนื่องกันถึงยี่สิบปีในฐานะน้องสาวและน้องสะใภ้ จุ๋งจึงต้องรับงานด้านศิลปวัฒนธรรมทั้งในมหาวิทยาลัยและในระดับชาติอีกนับไม่ถ้วน

จุ๋ง  เป็นที่รักของเพื่อนๆเพราะเธอเรียบร้อย และเป็นหนึ่งในดาวคณะด้วย  จุ๋งมาร่วมงานสังสรรค์เพื่อนๆเสมอ  และยังช่วยดูแลเงินบริจาคจากเพื่อนๆเพื่อจัดสรรเป็นทุนการศึกษาแก่นิสิตปัจจุบันในช่วงเวลาหนึ่ง  ณ วันนี้ จุ๋งยังทำงานให้สังคม อาทิ   มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว  มูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา  และ กองทุนหม่อมราชวงศ์อายุมงคล  โสณกุล

 

โชติรส โกวิทวัฒนพงศ์

โชติรส ที่เพื่อนๆ เรียกว่า โช ต้องบอกว่า สมัยนี้เขาเลิกทำแล้ว ลักษณะแบบนี้  เป็น série discontinue คือหนึ่งในล้านจะมีคนแบบนี้ เป็นคนที่มีความจริงใจ กล้าหาญ และคุณสมบัติที่ซึมซับจากวัฒนธรรมอันหลากหลาย จากการทำงานในต่างประเทศ และจากการเดินทางอย่างกว้างขวาง

โชติรส เป็นคนที่ขยันเรียนขยันค้นและใช้ภูมิปัญญานี้ในด้านการเรียนรู้ และรู้จริงรู้จัง  ไม่นิยมความรู้ที่ผิวเผิน ฉาบฉวย   นอกนั้นยังเป็นคนที่มี integrity สูงมาก  ซื่อสัตย์ในตนเอง และเคารพความสัตย์ซื่อ  โชเป็นคนที่ยึดมั่นในความจริง และไม่กลัวที่จะพูดความจริง. เรื่องของน้ำใจโชนั้น ไม่ต้องพูดถึง. โชเกิดมาเป็นครู และเป็นแบบอย่างของนิสิตอักษโดยเนื้อแท้.  รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของโชค่ะ

 

สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์

Copyright 2024 The Faculty of Arts Chulalongkorn University