

วรรณกรรมและพิธีกรรมบอกตัวตนคนพลัดถิ่นของชาวไทลื้อเมืองยอง หมู่บ้านร่มโพธิ์ทอง ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
วกุล มิตรพระพันธ์
วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต
ภาควิชาภาษาไทย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปีการศึกษา ๒๕๕๙
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
๑. เพื่อศึกษาวรรณกรรมและพิธีกรรมที่บอกตัวตนของชาวไทลื้อจากเมืองยองที่อาศัยในหมู่บ้านร่มโพธิ์ทอง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
๒. เพื่อศึกษาบทบาทของวรรณกรรมและพิธีกรรมของชาวไทลื้อที่หมู่บ้านร่มโพธิ์ทอง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
สมมติฐานของการวิจัย
ชาวไทลื้อที่หมู่บ้านร่มโพธิ์ทอง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย อพยพมาจากเมืองยอง รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ชาวไทลื้อกลุ่มนี้ใช้วรรณกรรมและพิธีกรรมในการบ่งบอกรากเหง้า ถิ่นกำเนิด ความทรงจำร่วม และในการแสดงอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ รวมถึงการสืบทอดอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนไทลื้อพลัดถิ่นในบริบทประเทศไทย
บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์เล่มนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวรรณกรรมและพิธีกรรมที่ชาวไทลื้อในหมู่บ้านร่มโพธิ์ทอง ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ใช้บอกอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ในฐานะคนพลัดถิ่นในบริบทข้ามพรมแดน โดยเก็บข้อมูลภาคสนามในพื้นที่วิจัยระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๘
ชาวไทลื้อพลัดถิ่นอพยพมาจากเมืองต่าง ๆ ในเขตปกครองของเมืองยองในอดีตซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของรัฐฉานตะวันออก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่ตำบลท่าก๊อเป็นเวลาประมาณ ๕๐ ปีมาแล้วเพราะหนีภัยสงครามอันเกิดจากการปฏิวัติการปกครองและความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในเมียนมา
ผลการวิจัยพบว่า ชาวไทลื้อพลัดถิ่นนำวรรณกรรมมาจากมาตุภูมิ ๕ ประเภท ได้แก่ วรรณกรรมพุทธศาสนา ตำราประกอบพิธีกรรม ตำนานและบันทึกเชิงประวัติศาสตร์ ตำรากฎหมาย และ ตำรายา วรรณกรรมที่มีบทบาทในการใช้บ่งบอกรากเหง้า ถิ่นกำเนิด ความทรงจำร่วมและอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ไทลื้อคือ ตำนานและบันทึกเชิงประวัติศาสตร์และตำรากฎหมาย วรรณกรรมที่มีบทบาทต่อการสืบทอดอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมคือตำราประกอบพิธีกรรม ส่วนตำรายาไม่มีบทบาทในวิถีชีวิตของชาวไทลื้อในบริบทพลัดถิ่น นอกจากนี้ เมื่อชาวไทลื้อเข้ามาอาศัยร่วมกับชาวไทยยวนในพื้นที่ก็ได้รับเอาวรรณกรรมพุทธศาสนาของชาวไทยยวนเฉพาะที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมของตนมาใช้ด้วย
ในบริบทประเทศไทย ชาวไทลื้อพลัดถิ่นยังสืบทอดพิธีกรรมต่าง ๆ ตามความเชื่อและวิถีปฏิบัติของตนเท่าที่จะปฏิบัติได้ พิธีกรรมเกือบทั้งหมดได้ใช้ตัวบทจากวรรณกรรมที่ชาวไทลื้อพลัดถิ่นนำมาด้วย ได้แก่ พิธีเลี้ยงเมือง พิธีขึ้นเฮินใหม่ พิธีทานมหาปาง พิธีทานธรรมค้ำชาตา พิธีทานธรรมมหาวิบาก พิธีบูชาข้าวหลีกเคราะห์ พิธีสืบชะตา พิธีทานข้าวเก้ากอง พิธีทานข้าวพระเมืองไชย พิธีทานข้าวพระเมืองแก้ว และพิธีทานผ้าสังฆา พร้อมกันนั้นก็ประกอบพิธีตามรอบปฏิทินตามความเชื่อทางพุทธศาสนาร่วมกับชาวไทยยวน ได้แก่ พิธีปอยสังขาร พิธีทานธรรมเข้าวัสสา พิธีเปตพลี และพิธีทานก๋วยสลาก นอกจากนี้ยังร่วมพิธีปอยวันเกิดครูบาบุญชุ่มพร้อมกับกลุ่มชาติพันธุ์ไทกลุ่มอื่นทั้งในประเทศไทยและเมียนมา ท่ามกลางความแตกต่างทางชาติพันธุ์ พุทธศาสนาคือพื้นที่สำคัญในการเชื่อมโยงชาวไทลื้อพลัดถิ่นเข้ากับชาวไทยยวนและกลุ่มชาติพันธุ์ไทอื่น ๆ ที่อยู่ในขอบเขตของการปฏิสัมพันธ์
วรรณกรรมและพิธีกรรมของชาวไทลื้อพลัดถิ่นจึงถือได้ว่าเป็นกลไกทางวัฒนธรรมในการแสดงอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ของชาวไทลื้อ ซึ่งในบริบทข้ามพรมแดน ชาวไทลื้อได้แสดงอัตลักษณ์ ๔ ประการผ่านวรรณกรรมและพิธีกรรม ได้แก่ ชาวไทลื้อเป็นผู้มีรากเหง้าและมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนาน ชาวไทลื้อเป็นผู้มีวัฒนธรรมเข้มแข็ง ชาวไทลื้อเป็นผู้เคร่งครัดศรัทธาในพุทธศาสนา และชาวไทลื้อเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาวไทยยวนและส่วนหนึ่งของแผ่นดินไทย
อ่านวิทยานิพนธ์ฉบับออนไลน์ได้ที่
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/52140