ประเพณีแซนโฎนตาบูชาบรรพบุรุษ จังหวัดสุรินทร์: การประกอบสร้างประเพณีประดิษฐ์ และบทบาท

ประเพณีแซนโฎนตาบูชาบรรพบุรุษ จังหวัดสุรินทร์: การประกอบสร้างประเพณีประดิษฐ์ และบทบาท

ผศ.ดร.สารภี ขาวดี

วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต
ภาควิชาภาษาไทย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปีการศึกษา ๒๕๕๙

วัตถุประสงค์ของการวิจัย
๑. เพื่อรวบรวมข้อมูลประเพณีแซนโฎนตาในพื้นที่ดั้งเดิม จากชุมชนชาวไทยเชื้อสายเขมร และงานประเพณีแซนโฎนตาบูชาบรรพบุรุษ จังหวัดสุรินทร์ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์
๒. เพื่อวิเคราะห์แนวคิดการประกอบสร้าง และบทบาทประเพณีแซนโฎนตาบูชาบรรพบุรุษ จังหวัดสุรินทร์ในฐานะประเพณีประดิษฐ์ในบริบทสังคมปัจจุบัน

สมมติฐานของการวิจัย
ประเพณีแซนโฎนตาบูชาบรรพบุรุษ จังหวัดสุรินทร์ เป็นประเพณีประดิษฐ์ที่เกิดจากกระบวนการประกอบสร้างจากการคัดสรรค์องค์ประกอบสำคัญของประเพณีบูชาบรรพบุรุษแบบดั้งเดิมของกลุ่มชาวไทยเชื้อสายเขมร และการคัดเลือกอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ มานำเสนอ ตลอดจนมีการสร้างความหมายใหม่ให้เป็นประเพณีบูชาผีบรรพบุรุษระดับเจ้าเมือง เพื่อใช้เป็นกลไกหลอมรวมความหลากหลายทางชาติพันธุ์ และเป็นการสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้แก่จังหวัดสุรินทร์

บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงานบุญแซนโฎนตา ศึกษาการสืบทอดและการดำรงอยู่ของงานบุญแซนโฎนตาในพื้นที่ดั้งเดิม ตลอดจนศึกษาแนวคิดการประกอบสร้างประเพณีแซนโฎนตาบูชาบรรพบุรุษของสุรินทร์ ในฐานะประเพณีประดิษฐ์เพื่อตอบสนองบริบทสังคมปัจจุบัน รวมถึงบทบาทของประเพณีประดิษฐ์ที่มีต่อชาวสุรินทร์ ทั้งนี้ผู้วิจัยศึกษาจากเอกสารและเก็บข้อมูลภาคสนาม ๒ พื้นที่ ได้แก่ ชุมชนชาวไทยเชื้อสายเขมร หมู่บ้านปรือเกียน ตำบลนอกเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ และงาน “ประเพณีแซนโฎนตาบูชาบรรพบุรุษ” ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์เป็นผู้จัดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙

ผลการศึกษาพบว่า งานบุญแซนโฎนตาถือกำเนิดจากความเชื่อของกลุ่มชาวไทยเชื้อสายเขมรที่ว่า ในรอบหนึ่งปีเมื่อถึง วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ เทวดาหรือพญายมจะอนุญาตให้วิญญาณบรรพบุรุษได้เดินทางมาเยี่ยมโลกมนุษย์ครั้งหนึ่งเพื่อมารับส่วนบุญที่ลูกหลานทำไปให้ โดยมีพิธีเซ่นไหว้ต้อนรับเข้าบ้านอย่างยิ่งใหญ่ งานบุญแซนโฎนตาในหมู่บ้านปรือเกียนใช้เวลาประกอบกิจกรรมต่าง ๆ รวม ๑๗ วัน เริ่มตั้งแต่วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ถึง ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ตลอดงานบุญไม่ได้มีเฉพาะพิธีเกี่ยวกับผีบรรพบุรุษ แต่ยังมีกิจกรรมและพิธีกรรมที่สัมพันธ์กับพุทธศาสนา และญาติผู้ใหญ่ที่ยังมีชีวิต พบกิจกรรมทั้งสิ้น ๙ กิจกรรม ได้แก่ วันเตรียมงาน พิธีโซดดารเบ็ณฑ์ตูจ พิธีกันซ็อง พิธีฉลองซ็อง พิธีแซนโฎนตา พิธีจูนโฎนตา พิธีแห่-โซด-จะกันเจอโฎนตา พิธีโซดดารเบ็ณฑ์ทม และพิธีจูนโฎนตาหลบสรุก ซึ่งทุกกิจกรรมนี้ชาวชุมชนเขมรหมู่บ้านปรือเกียนได้สืบทอดตามรูปแบบดั้งเดิม แต่มีบางส่วนที่ปรับประยุกต์เพื่อ ความเหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน

ประเพณีแซนโฎนตาบูชาบรรพบุรุษขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ที่เกิดขึ้นใหม่ มีลักษณะการผลิตซ้ำงานบุญประเพณีและนำเสนอใหม่ โดยมีแนวคิดเบื้องหลังการออกแบบประเพณี ๓ ประการ ประการแรก การเป็นพื้นที่อนุรักษ์แบบปรับประยุกต์งานบุญดั้งเดิมของจังหวัด เห็นได้จากการตั้งชื่อเพื่อสื่อความใหม่ภายใต้วิธีคิดแบบเก่า โดยใช้คำว่า “ประเพณี” แทนคำว่า “บุญ” เพื่อทำให้มีฐานะเทียบเท่าเทศกาลทางวัฒนธรรมที่มีทั้งพิธีศักดิ์สิทธิ์ กิจกรรมความรู้ กิจกรรมบันเทิง และมีการสืบทอดพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์โดยเลือกเฉพาะ “หัวใจ” ของงานบุญที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ พุทธศาสนา และดวงวิญญาณ ได้แก่ “พิธีจูน แซน โซด จะ” มาปรับประยุกต์ให้เข้ากับบริบทที่เปลี่ยนไป ประการที่สอง การเป็นพื้นที่หลอมรวมชาวสุรินทร์ ภาครัฐเล็งเห็นว่าชาวเขมร ส่วย ลาว จีน ในจังหวัด ต่างมีพิธีกรรมที่แสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษของกลุ่ม และมีพระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวางเป็น บรรพบุรุษร่วมและศูนย์รวมใจ จึงชูจุดร่วม ๒ ข้อนี้ ดึงชาวสุรินทร์เข้ามาร่วมขับเคลื่อนประเพณี และช่วยสลาย “ความเป็นอื่น” ที่ว่า แซนโฎนตาเป็นพิธีเฉพาะกลุ่มเขมรให้หมดไป ประการที่สาม การเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เป็นแนวคิดที่ทำให้เกิด การคัดเลือกอัตลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์จากคำขวัญประจำจังหวัดมานำเสนอผ่าน ๔ กิจกรรมหลัก คือพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ขบวนแห่รอบเมือง การละเล่นพื้นบ้านและงานมหรสพ และนิทรรศการมีชีวิต

ด้านบทบาทของประเพณีที่มีต่อชาวสุรินทร์ในปัจจุบัน พบ ๔ ประการ ได้แก่ บทบาทในการรวมกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดสุรินทร์เป็นหนึ่งเดียว บทบาทในการให้ความบันเทิงแก่ผู้ร่วมงาน บทบาทในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมประจำเดือนสิบของจังหวัดสุรินทร์ และบทบาทในการเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมและกระบวนการขัดเกลาทางสังคม

ด้วยเหตุนี้ ประเพณีแซนโฎนตาบูชาบรรพบุรุษจึงเป็นประเพณีประดิษฐ์ที่เกิดจากการคัดสรรวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่มซึ่งภาครัฐและภาคประชาชนเห็นว่ามีคุณค่าควรแก่การอนุรักษ์ มาสืบสานแบบสร้างสรรค์ โดยออกแบบให้กลายเป็นประเพณีสาธารณะเพื่อรองรับความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัด และรองรับบริบทของการท่องเที่ยวไปพร้อมกัน

Download PDF

อาจารย์ประจำหลักสูตรภาษาไทยและการสื่อสาร คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

อ่านวิทยานิพนธ์ฉบับออนไลน์ได้ที่
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/54886