หลี (Li)

ชื่อชนชาติ:    หลี (Li) เป็นชื่อที่ทางการจีนใช้เรียกชนกลุ่มนี้ แต่คนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า ฮไล (Hlai)

ชื่อที่ใช้เรียกตนเอง:    

ชื่อที่คนอื่นใช้เรียก:    

แหล่งที่อยู่อาศัย:    ส่วนใหญ่อยู่ที่เกาะไหหลำ (Hainan) ทางใต้สุดของจีน มีประชากรประมาณ 1,100,000 คน อยู่ในเขตปกครองตนเอง 7 อำเภอ คือ หลิงสุ่ย (Lingshui) เป่าถิง (Baoting) เล่อตง (Ledong) ตงฟาง (Dongfang) ชังเจียง (Changjiang) ไป๋ซา (Baisha) ฉงจง (Congzhong) และในเมืองทงจ๋า (Tongza) และซานย่า (Sanya)

ภาษาที่ใช้พูดในชีวิตประจำวัน:    คนหลีพูดภาษาจีนกลาง ภาษาจีนถิ่นไหหลำ และพูดภาษาหลี ซึ่งอาจแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม* คือ หลีหา หรือหลีฮัว หลีเก้ย หรือหลีฉี หลีย่วน หรือหลีเปิ่นตี้ และหลีโม่ยโฝ้ว พวกที่พูดภาษากลุ่มหลีหามีจำนวนมากที่สุด คือประมาณร้อยละ 60 ของประชากรหลี ภาษากลุ่มหลีหายังแยกออกเป็นกลุ่มย่อยได้อีกประมาณ 10 กลุ่ม คือเล้าฮวด จื๋อก้อง จื๋อเกี้ยง เบ่าว้าย เบ่าม่าน เบ่าซู เบ่าเฮียน นี้ย่า หาปุ๊ก และหน่อมเล้าอย่างไรก็ตาม คนหลีที่อยู่ในเมืองนิยมพูดภาษาจีนในชีวิตประจำวันมากกว่าภาษาหลี คนหลีไม่มีตัวอักษรเขียนภาษาของตนโดยเฉพาะ จึงใช้อักษรโรมันเขียนภาษาหลี เช่นเดียวกับคนต้งใช้ตัวโรมันเขียนภาษาต้ง

ลักษณะเด่นของชาวหลี:    ตามเอกสารเก่าของจีน ตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวนตอนต้นๆ บันทึกไว้ว่า ลักษณะเด่นของหญิงชาวหลี คือความสามารถในการทอผ้า กี่ทอผ้าของหญิงหลีเป็นกี่ขนาดเล็กที่ขึงเส้นด้ายยืนให้ตึงด้วยการยึดระหว่างเอวกับเท้าของผู้ทอ ขณะที่ทอจึงต้องนั่งหลังตรงและเหยียดขาไปข้างหน้า ลวดลายของผ้าซิ่นเป็นการผสมผสานกรรมวิธีมัดหมี่ จก และทอยก  ดอกเป็นลายเรขาคณิตและตามุก บางครั้งก็ใช้วิธีปักลายเพิ่มเติมแซมไปกับลวดลายที่ได้จากการทอ  แหล่งเก็บข้อมูล เมืองทงจ๋า อำเภอไป๋ซา และอำเภอตงฟาง

ลักษณะหมู่บ้านหลี:    ชาวหลีส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่เกาะไหหลำซึ่งมีอากาศค่อนข้างร้อนตลอดปี มีฝนตกค่อนข้างชุก พืชพันธุ์ทีเห็นในบริเวณหมู่บ้านได้แก่ มะละกอ กล้วย อ้อย และมะพร้าว ซึ่งไม่พบในหมู่บ้านผู้พูดภาษาตระกูล ไท-กะได ส่วนใหญ่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน บ้านของชาวหลีเป็นบ้านชั้นเดียว หลังคามุงด้วยหญ้าคา ฝาฉาบด้วยดินหรือปูน

เครื่องแต่งกาย:    เครื่องแต่งกายของหญิงหลีไม่ว่ากลุ่มใดจะประกอบด้วยผ้าโพกศีรษะ เสื้อ และผ้าซิ่น อาจกล่าวได้ว่า ผ้าโพกศีรษะ และซิ่นเป็นชิ้นเครื่องแต่งกายที่จำแนกหญิงหลี 4 กลุ่ม โดยเฉพาะผ้าซิ่นซึ่งเป็นผ้าทอมีลวดลายสวยงามทั้งผืน หญิงหลีโมย่โฝ้ว นุ่งผ้าซิ่นผืนยาวถึงข้อเท้า สีพื้นของผ้าซิ่นเป็นสีค่อนข้างมืดแต่มีลวดลายทอในเนื้อผ้าเป็นสีสดใส ซิ่นโม่ยโฝ้วประกอบด้วย 4 ส่วน คือ หัวซิ่น ส่วนต่อระหว่างหัวซิ่นและตัวซิ่น ตัวซิ่นและตีนซิ่น หญิงหลีเก้ยและหลีหานุ่งซิ่นยาวแค่เข่าผืนแบ่งเป็น 3 ส่วน คือส่วนหัว ส่วนกลาง และตีนซิ่น หญิงหลีเปิ่นตี้นุ่งสั้นที่สุด คือ สั้นเหนือเข่า เป็นซิ่นตัวแคบๆ ประกอบด้วย 3 ส่วนเช่นกัน เสื้อของหญิงหลีหาและหลีโม่ยโฝ้วมีลักษณะเป็นเสื้อคลุมหลวมๆ ไม่มีกระดุม อาจมีการกุ๊นและประดับด้วยพู่ทำด้วยด้ายหรือไหมพรมหลากสี ส่วนมากเสื้อมีลักษณะเรียบๆ และเป็นสีมืดๆ เช่น ดำ น้ำตาล เนื่องจากเสื้อไม่มีกระดุมจึงมีการใส่ผ้าปิดหน้าอกหรือเอี๊ยม อย่างไรก็ดี อาจไม่ใส่เอี๊ยมก็ได้ เสื้อของหญิงหลีเก้ยปักลวดลายสวยงามทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งทำให้ดูแตกต่างจากเสื้อของหญิงหลีกลุ่มอื่น   สตรีหลีโพกผ้า ส่วนใหญ่ใช้ผ้าโพกสีดำมีลวดลายรูปทรงเรขาคณิตหลากสี ชายผ้าประดับพู่และเชือกขาว บางกลุ่มมีการโพกผ้าซึ่งใช้สายผ้าโพกถักเข้าไปกับเปียที่มุ่นรอบศีรษะด้วย

เครื่องประดับ:    มักใช้เฉพาะมีงานพิธีหรือในโอกาสพิเศษเท่านั้น ได้แก่ ปิ่นปักผม ซึ่งอาจทำด้วยไม่ กระดูกสัตว์ หรือโลหะ เช่น เงิน ทอง ทองเหลือง สร้อยคอลูกปัด ซึ่งอาจประดับพู่หรือขนนกให้มีสีสันเพิ่มขึ้น ตุ้มหู กำไลข้อมือ และบางคนใส่กำไลข้อเท้าด้วย

ศูนย์สารนิเทศมนุษยศาสตร์
คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

254 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

Privacy Policy
© Faculty of Arts – All Rights Reserved 2020