


ชื่อที่คนอื่นเรียกใช้: ไตหย่า, ไทหย่า
แหล่งที่อยู่อาศัยของชาวไทย: ไทหย่่าเป็นกลุ่มหนึ่งในท้องถิ่นหยวนเจียง เป็นชนไทเผ่าที่กระจายมากพอสมควรในหยวนเจียง กลุ่มไทหย่ามีความกระจัดกระจาย และเข้าร่วมอยู่กับกลุ่มไทอื่น ๆ มากกว่ากลุ่มอื่น สังเกตได้จากการเก็บข้อมูลว่า พบไทหย่าอยู่ในหมู่บ้านไทดำ และไทจุง หมู่บ้านที่ไทหย่าอยู่หนาแน่นมี 3 หมู่บ้าน คือ บ้านหัวผา, บ้านซองเปา และ บ้านใหม่
แหล่งเก็บข้อมูล: หมู่บ้าน Gaukang ในท้องถิ่นปกครองตนเองหยวนเจียง – ฮาหนี – หยี – ไท (Yuanjiang Hani – Yi – Dai Autonomous County) ในเขตอู้ซี (Yuxi Prefecture) มณฑลยูนนาน (Yunnan Province) ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
ลักษณะหมู่บ้าน: (เรือนที่อยู่)ที่ไปนั่งเก็บข้อมูลเป็นบ้านผู้ใหญ่บ้าน ก่ออิฐทำด้วยดิน ข้างล่างเป็นโถงเข้าไป มีห้องนอนข้าง ๆ เป็นแถวขนาบหัวโถงอยู่ ไม่มีที่บูชาอะไรเห็นแบบไทดำ แต่สอบถามได้ความว่านับถือบรรพบุรุษเช่นกัน คนไทหย่าที่บ้านนี้บอกว่าอพยพมาจากเมืองหย่า ในซินผิง มากกว่า 100 ปีแล้ว
เครื่องแต่งกาย: การแต่งกายของหนุ่มสาวเป็นแบบสากล คนสูงอายุผู้หญิงแต่งกายประจำเผ่า ส่วนผู้ชายใส่แบบสากล สำหรับชุดแต่งกายแบบไทหย่าโดยเฉพาะของหญิงสาวนัั้นตกแต่งด้วยเครื่องประดับที่ทำด้วย ตะกั่ว หรือ อะลูมิเนียมอย่างมาก แต่หญิงสาวบางคนประดับตนด้วยเครื่องเงินแท้ มีกำไลมือเป็นสำคัญ ของเงินแท้เหล่านี้ตกทอดกันมาและน่าสังเกตว่าไทหย่าเป็นกลุ่มที่เก็บเครื่องประดับไว้ได้มากที่สุด (ไม่ถูกยึดไปโดยคอมมิวนิสต์) ชุดแต่งกายของหญิงไทหย่ามีความแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างหญิงสาวกับหญิงสูงอายุ ความต่างอยู่ที่เครื่องประดับ ซึ่งหญิงสาวจะประดับประดามากทั้งการปักเม็ดอะลูมีเนียมลงไปที่เสื้อหรือการแขวนสร้อยที่สายเป็นพวง ๆ เวลาเดินจะเกิดเสียงโลหะกระทบกัน ผ้าที่โผกหัวก็ตกแต่งมาก หยังหรือตะกร้าใส่ของที่อยู่ข้างหลังก็ใช้ไหมพรมทำเป็นดอกติดสีฉูดฉาดเป็นอันมากและเลยกลายเป็นประโยชน์จากการใช้สอยใส่ของเป็นเครื่องประดับอีกชิ้นหนึ่ง หญิงไทหย่าเกล้าผมหรือตั้งเกล้าแล้วเอาผ้าชิ้นเล็กเป็นลายเหมือนเตี่ยวปลายปักทั้ง 2 ชาย เรียกว่า โหเนี้ยว วางลงบนผมที่เกล้าไว้ให้ปลายห้อยลงมา แล้วเอาผ้าผืนหนึ่งพับทบให้กว้างประมาณ 5 นิ้ว โดยมากเป็นผ้าสีมีลายเป็นทางยาว เรียกว่า วางทับลงบนผ้าโหเนี้ยว ให้ปลายผ้าจรดหน้าผากและผ้าทอดผ่านกระหม่อมไปทางหลังแล้วเอาผ้าสีดำอีกชิ้นหนึ่ง เรียกว่า มาพันรอบที่โดยมีผ้าโหเนี้ยวและผ้าเผี้ยวแลบออกมาข้าง ๆ หู และตรงหน้าผาก หลังจากนั้น เอาผ้าโพกที่เรียกว่า ซึ่งข้างหนึ่งปักและมีพู่ เรียกว่า มาพันรอบ ๆ เกล้าและเหน็บให้ชายที่เป็นพู้โผล่ออกมา ส่วนผ้าเผี้ยวนั้น ทับพับขึ้นมาให้ชายหลังห้อยอยู่สัก 5 นิ้ว และขึ้นไปเหน็บชายไว้กับฝ้ายวึ้งโห เมื่อเสร็จแล้วผ้าโพกหัวของไทยาจะมีแลบชาย 2 ข้างหู แลบที่หน้าผาก และห้อยข้างหลัง สรุปได้ว่าการโพกหัวของไทหย่ามีผ้าอย่างน้อย 4 ชิ้น หญิงไทหย่าอาจใส่ตุ้มหู ซึ่งมีลักษณะใหญ่เป็นวงขนาดเล้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ตุ่มหูนี้ปลายข้างหนึ่งเป็นปุ่ม อีกข้างหนึ่งงอโค้ง เวลาใส่เอาข้างที่ไม่มีปุ่มสอดเข้าไปในรูหู ปุ่มอีกข้างจะถ่วงน้ำหนัก ทำให้วงไม่หลุดจากรูหู ตุ้มหูนี้เรียกว่า แหวนหู หรือออกเสียงว่า เหวียนหู เสื้อของหญิงไทหย่าเป็น 2 ตัวตัวในเรียกว่าเป็นเสื้อแขนกุด คอแหลมป้ายข้างขวา ตรงคอปักกระดุมน้ำเงิน(อะลูมิเนียม) เป็นแถวประมาณ 3-4 แถว เสื้อนี้ผ่าข้าง ๆ ทางขวาติดกระดุมเม็ดใหญ่ 2-3 เม็ด ปลายเสื้อซึ่งเป็นเสื้อตัวแคบพอดีตัวก็ปักเม็ดกระดุมเงิน เป็นเชิง(เชิงนี้ถ้าเป็นหญิงสาวยังไม่มีลูกใช้ไหมปัก แต่มีลูกแล้วปักกระดุมเงินได้) เหนือเชิงปักเป็นรูปสามเหลี่ยมุมฉากด้วยกระดุมเงินเป็นแถว ๆ เสื้อตัวนอกเป็นเสื้อแขนยาว แขนลีบ ปลายแขนปะผ้าเป็นขีด ๆ ตัวเสื้อสั้น ๆ จึงทำให้เห็นเสื้อตัวใน เสื้อตัวนี้เรียกว่า เสื้อหลวง หรือออกเสียงว่า เสื้อตัวนี้ที่คอก็ประดับเหมือนกัน ผ้านุ่งในชุดของไทยา อาจมี 3 ผืน แต่ต้องมี 2 ผืนอย่างน้อย ผืนในสุดเป็นซิ่นลาย หรือออกเสียงว่า เป็นผ้าทอชายผ้าเป็นเชิงเป็นทางตามขวาง ถ้ามีสตางค์ก็นุ่งซิ่นอีกตัวทับ ซิ่นตัวนี้เรียกว่า ซิ่นแพร หรือออกเสียงว่า เสิ่นเพ๊ ซิ่นตัวนี้มีผ้าแพรประดับเชิงและมีปักบ้าง สวยมาก มักทำเป็น 2 ชิ้น ซิ่นตัวนี้ถ้าไม่มีสตางค์ก็ไม่ใส่ ต่อมาสวมซิ่น เรียกว่า ซิ่นตัวนี้สวมให้สูงกว่าเชิง และเวลาสวมดึงข้างขวาขึ้นมาเหน็บ เพราะฉะนั้น หญิงไทหย่าจึงนุ่งผ้าถุงที่มีลักษณะถกชายขึ้นมาข้างหนึ่งที่เอวคาดผ้าดำตรึงไว้แล้วจึงเอาผ้าคาดเอวที่สวย เรียกว่า หัวผ้าไว ซึ่งติดกับผ้าห้อยหน้า หรือเรียกว่า ผ้าไว คาดทับถ้าอากาศหนาวก็พันแข้งด้วย ผ้าเก้า หรือออกเสียงว่า ซึ่งถ้าเป็นของหญิงสาวก็จะปัดประดับมากมายในการประกวดชุดแต่งกายนี้ หญิงไทหย่าประดับอย่างมาก นอกจากตุ้มหูและกำไรมือหรือที่เรียกว่า เหวียน เขายังมีสร้อยซึ่งปลายเป็นพู่ ห้อยจากกระดุมเสื้อตัวในอ้อมไปหลังมาพาดที่ไหล่ขวา และเรียกสิ่งนี้ว่า หมากหล้าวหาง นอกจากนี้ทางด้านซ้ายของเสื้อตัวในตรงเชิงเสื้อที่ติดกระดุมยังอาห้อยสร้อย เป็นพวกเรียกว่า ซึ่งประกอบด้วยไม้จิ้มฟัน ไม้แคะหูและที่ใส่หินปูนสำหรับหมาก ข้างหลังก็อาจมีผ้าผืนเล็ก ๆ เรียกว่า ห้อยอยู่อีก หญิงไทหย่ายังอาจคาด หรือกุบมีลักษณะเป็นแผ่นกลม ๆ คล้ายจานเรดาห์ สานด้วยใบลานไว้ข้างหน้าอีกด้วย
ข้อห้ามในการแต่งกาย: เวลาไปงานศพต้องใส่สีขาวไม่ประดับ และต้องลดซิ่นมึ่นลงไปให้ชายตรงจดเชิงของซิ่นลาย หญิงที่ไม่มีลูก เสื้อตัวในห้ามติดกระดุมเงินตุ่มเล็ก ๆ ที่เชิงเสื้อ เวลาไปทำนาไม่นุ่งซิ่นแพร