โครงการอบรมด้านการแปล พ.ศ. 2569
1. ภาษาอังกฤษในบริบททางกฎหมาย (Plain Legal English)
หลักสูตรนี้มุ่งเสนอศัพท์และสำนวนภาษาอังกฤษที่สำคัญในบริบททางกฎหมาย หลักไวยากรณ์และโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ ตลอดจนข้อควรพิจารณาที่สำคัญสำหรับการเขียนและแปลในบริบททางกฎหมายตามแนวทาง Plain English และตัวอย่างลักษณะที่สำคัญของการใช้ภาษาอังกฤษในเอกสารกฎหมายประเภทต่าง ๆ เช่น การแปลบทบัญญัติของกฎหมายไทยเป็นภาษาอังกฤษ การเขียนความเห็นและคำแนะนำทางกฎหมาย ตลอดจนการร่างนิติกรรมสัญญาเป็นภาษาอังกฤษ
อบรมในรูปแบบออนไลน์ ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2569 ถึงวันเสาร์ที่ 21 มีนาคม 2569 เวลา 09.00 – 12.00 น. รวมทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง
2. ภาษาอังกฤษสำหรับการร่างสัญญา (English for Contract Drafting)
วิชานี้ต่อยอดจากเนื้อหารายวิชา “ภาษาอังกฤษในบริบททางกฎหมาย (Plain Legal English)”
หลักสูตรนี้มุ่งเสนอความรู้เชิงปฏิบัติเกี่ยวกับโครงสร้างและองค์ประกอบของสัญญา การใช้ภาษาแสดงหน้าที่ (Obligation) ดุลยพินิจ (Discretion) ข้อห้าม (Prohibition) และการแถลงข้อเท็จจริงและหลักเกณฑ์เชิงนโยบาย (Policy) รวมถึงเทคนิคการร่างข้อสัญญาประเภทต่าง ๆ ให้บรรลุหลักสี่ประการของ Plain Legal English คือ ความชัดเจน (Clarity) ความกระชับรัดกุม (Concision) ความแม่นยำตรงตามวัตถุประสงค์ (Precision) และการอ่านเข้าใจได้ง่าย (Readability)
อบรมในรูปแบบออนไลน์ ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2569 ถึงวันเสาร์ที่ 21 มีนาคม 2569 เวลา 14.00 – 17.00 น. รวมทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง
3. การแปลเอกสารกฎหมายเบื้องต้น (Introduction to Legal Translation)
หลักสูตรนี้มุ่งเน้นให้ผู้เรียนวิเคราะห์เอกสารกฎหมายอย่างเป็นระบบ เข้าใจลักษณะภาษาและธรรมเนียมทางกฎหมายในทั้งสองภาษา โดยเฉพาะการแปลจากไทยเป็นอังกฤษ เน้นการใช้หลักการ Plain Legal English เพื่อให้ผลงานแปลมีความชัดเจน กระชับ และเข้าใจง่าย โดยยังคงความถูกต้องทางกฎหมายตามต้นฉบับ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ได้รับความต้องการสูงในแวดวงกฎหมายและองค์กรระหว่างประเทศในปัจจุบัน
อบรมในรูปแบบออนไลน์ ทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2569 ถึงวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2569 เวลา 09.00 – 12.00 น. รวมทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง
ประเมินผลโดยพิจารณาจากการมีส่วนร่วมในการเรียน การทดสอบความสามารถในการตีความ การถ่ายทอดความหมายจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย และมีความรับผิดชอบทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย
คณะอักษรศาสตร์ จะออกหนังสือสำคัญให้เป็นหลักฐานแก่ผู้เข้ารับการอบรม แบ่งเป็น 2 ประเภท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ผู้ที่ได้รับวุฒิบัตรรับรองการเข้าอบรม คือ ผู้ที่มีเวลาในการเข้าอบรมไม่น้อยกว่า 90% ของเวลาการอบรมทั้งโครงการ
- ผู้ที่ได้รับวุฒิบัตรรับรองผลการอบรม คือ ผู้ที่มีเวลาในการเข้าอบรมไม่น้อยกว่า 90% ของเวลาการอบรมทั้งโครงการและสอบผ่านข้อสอบที่ผู้สอนกำหนดเกณฑ์การผ่านไว้
