คลื่นเสียง
ใช้เป็นหลักฐานในกระบวนการยุติธรรมได้ เนื่องจากคลื่นเสียงแสดงข้อมูลได้หลายประการ ทั้งหน่วยเสียง ความหมาย คุณสมบัติทางสรีระของผู้พูด และปัจจัยทางสังคมของผู้พูด เช่น ชนชั้น อาชีพ ถิ่นกำเนิด รวมทั้งลักษณะเฉพาะส่วนบุคคล นิติสัทศาสตร์เป็นวิธีการพิสูจน์หลักฐานรูปแบบหนึ่ง เพื่อเปรียบเทียบคลื่นเสียงของหลักฐานเสียงพูดว่าเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่ โดยวิเคราะห์และหาความสัมพันธ์จากแผนภาพคลื่นเสียงที่แสดงข้อมูลจำพวกระยะเวลา ค่าความถี่ ความเข้มเสียง อย่างไรก็ตาม การทำงานในสถานการณ์จริงมักมีข้อกำจัดเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความท้าทายของการวิเคราะห์เสียงพูด
เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย คือ เสียงคุณภาพไม่ชัดเจน การปลอมแปลงเสียง หรือเสียงเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์และเวลา จากการตะโกน อารมณ์ ความเครียด นักนิติสัทศาสตร์มีหน้าที่พิจารณาเลือกใช้ระเบียบวิธีวิเคราะห์และค่าพารามิเตอร์ ซึ่งหมายถึงค่าที่ได้จากการวิเคราะห์ ตามความน่าจะเป็นในแต่ละสถานการณ์ เช่น ค่าระยะเวลา ค่าความถี่มูลฐาน เป็นต้น
นักภาษาศาสตร์มีบทบาทอย่างมากในการพิสูจน์เสียงพูด เพราะมีความรู้ความเข้าใจต่อการผลิตและคลื่นเสียง การแปรตามสรีระและปัจจัยทางสังคม ความแตกต่างของพารามิเตอร์และระเบียบวิธีวิเคราะห์ ปัจจุบันต้องการผู้ศึกษาทางนิติสัทศาสตร์อีกมาก เพราะเป็นงานที่อาศัยทักษะ ความรู้ความเข้าใจ และระยะเวลาเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรัดกุมและรอบด้าน