อักษรจรัส รุ่น 23

ดร. วไล ณ ป้อมเพชร

      รศ. ดร.วไล จบการศึกษาระดับปริญญาตรี (เกียรตินิยม) จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ  ปริญญาโท และปริญญาเอก (เกียรตินิยม) สาขาวิชาประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ ประเทศฝรั่งเศส

      รศ. ดร.วไล ทำงานในสาขาอาชีพครู และอุทิศตนเพื่องานสิทธิมนุษยชนและสิทธิเด็ก ดังนี้

  1. อาจารย์และหัวหน้าภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  2. ผู้เชี่ยวชาญการศึกษาเพื่อสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ องค์การยูเนสโก กรุงปารีส

  

และปัจจุบัน รศ.ดร.วไล ได้อุทิศตนและทำคุณประโยชน์ในฐานะครูและงานสิทธิมนุษยชนและสิทธิเด็ก ดังนี้

  1. อบรมผู้บริหารโรงเรียนและครูในโรงเรียนต่างๆ เรื่องสิทธิมนุษยชนและสิทธิเด็ก ร่วมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการยุติธรรมและสันติ  กรมส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิฯ
  2. ที่ปรึกษาโครงการโรงเรียนพี่-โรงเรียนน้อง ตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
  3. ครูพิเศษสอน ภาษาฝรั่งเศสที่โรงเรียนจิตรลดา

 

โดยมีผลงานที่สร้างชื่อเสียง

  1. ประสบความสำเร็จในการเชิญนายกเทศมนตรีของนครต่างๆ ในหลายประเทศทั่วโลก มาประชุมเรื่องสันติภาพ ขณะที่มีสงครามเย็นอยู่
  2. ก่อตั้ง UNESCO-APNIEVE (Asia-Pacific Network for International Education and Values Education)

 

เมื่อเป็นอาจารย์ได้มีโอกาสถวายพระอักษรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในวิชาอารยธรรมยุคกลาง ประวัติศาสตร์รุสเซียสมัยใหม่ และประวัติศาสตร์อังกฤษสมัยใหม่

 

 

 

 

 

 

 

ดร.มล.ปริยา นวรัตน์

ดร.มล.ปริยา นวรัตน์

การศึกษา

-  โรงเรียนราชินี  (อนุบาล-เตรียมอุดม 2 แผนกอักษรศาสตร์)

-  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ปริญญาตรี คณะอักษรศาสตร์ และครุศาสตร์)

- Mississippi State University, USA

        - ปริญญาโท Industrial Education

        - ปริญญาโท Educational Specialist

        - ปริญญาเอก Curriculum and Instruction

การทำงาน (ประจำ)

  1. อาจารย์ประจำโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย สอนวิชาภาษาอังกฤษทั่วไป ชั้นเตรียมอุดม 1 และ 2
  2. ข้าราชการกรมอาชีวศึกษา ระดับ 5 ประจำวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพฯ คณะวิชาสามัญ สอนวิชาภาษาอังกฤษทั่วไป ภาษาอังกฤษช่าง ภาษาอังกฤษธุรกิจ ภาษาไทย นักศึกษาระดับ ปวช. ปวส. และครูเทคนิค
  3. ลาราชการไปศึกษาต่อต่างประเทศเป็นเวลา 4 ปี
  4. กลับมารับราชการกรมอาชีวศึกษาเป็นตำแหน่งศึกษานิเทศก์ทำผลงานทางด้านวิชาการได้เลื่อนเป็นศึกษานิเทศน์ 7-8-9

การทำงาน (พิเศษ)

  1. อาจารย์พิเศษสอนวิชาภาษาไทย ชั้นเตรียมอุดม 2  โรงเรียนมาแตร์เดอี
  2. อาจารย์พิเศษสอนวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ ระดับ ปวช. ปวส. โรงเรียนพาณิชยการราชดำเนิน
  3. อาจารย์พิเศษสอนวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ ระดับ ปวช. ปวส. โรงเรียนพาณิชยการศาลาแดง (รอบค่ำ)
  4. อาจารย์พิเศษวิทยาลัยศรีปทุม สอนวิชาภาษาอังกฤษช่าง ระดับปริญญาตรี
  5. อาจารย์พิเศษวิทยาลัยช่างกลปทุมวัน สอนวิชาภาษาอังกฤษช่าง ระดับปริญญาตรี
  6. อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีธนบุรี สอนวิชาภาษาอังกฤษช่าง และอังกฤษธุรกิจ วิทยาลัย ข.ส.ท.บ. และพาณิชยการดุสิต (ภาคฤดูร้อน)

ด้านวิชาการ

  1. แต่งตำราหนังสือเรียน Technical English Book I, Book II, Book III (พร้อมคู่มือครู) สำหรับนักศึกษา คณะวิชาช่างอุตสาหกรรมระดับ ปวช. และ ปวส. ทุกสาขาวิชา
  2. แต่งตำราหนังสือเรียน English for Science and Technology (พร้อมคู่มือครู)  สำหรับนักศึกษาระดับ ปวช. และ ปวส. คณะวิชาช่างอุตสาหกรรม
  3. แต่งตำราหนังสือเรียน Higher Technical English (พร้อมคู่มือครู) สำหรับนักศึกษาระดับปริญญา คณะวิชาช่างอุตสาหกรรม
  4. แต่งตำราหนังสือเรียน Business English (พร้อมคู่มือครู) สำหรับนักศึกษาระดับ ปวช. และ ปวส. 3 เล่ม คือ
  • Conversation (2) Business    (3) Business Reading Comprehension
  1. แต่งตำราหนังสือเรียน English for Sales (พร้อมคู่มือครู) สำหรับนักศึกษาระดับ ปวช. ปวส. และปริญญาตรี เรื่องการตลาด

 

หนังสือแปล

  1. แปลหลักสูตรของกรมอาชีวศึกษาทุกหลักสูตร ระดับ ปวช. ปวส. และหลักสูตรระยะสั้นเป็นภาษาอังกฤษ
  2. แปลเอกสารอาชีวศึกษาของประเทศต่างๆ ซึ่งได้รับจากการไปศึกษาและดูงานมนต่างประเทศ เช่น
  • อาชีวศึกษาระดับคู่ (Dual System) ของประเทศเยอรมนี
  • อาชีวศึกษาของประเทศอิสราเอล (Vocational Education in Israel)
  • อาชีวศึกษาในประเทศเอเชียและแปซิฟิค (Vocational Education in the Asia and Pacifics)
  • แปลงานวิจัยเรื่อง “Cultivating of Heart and Characters” ของ Tony Devine, Joom Hosuk and Andrew Wilson” ให้อาชีวศึกษาเป็นภาษาไทยว่า “หลักธรรมความประพฤติศึกษา” เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมซึ่งบุคคลทุกเพศทุกวัยทุกชาติ ควรนำไปปฏิบัติ” (พร้อมเอกสารประกอบ) แจกและจำหน่ายแก่สมาชิกของมูลนิธิทูตสันติภาพแห่งประเทศไทย และผู้เข้าร่วมการสัมมนา การสัมมนาจัดขึ้น 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 จัดที่มูลนิธิฯ ครั้งที่ 2 จัดที่ทำเนียบรัฐบาล

 

งานด้านสังคม

  1. เมื่อศึกษาอยู่คณะครุศาสตร์ปีที่ 2 ได้รับเลือกเป็นประธานติดต่อต่างประเทศ สโมสรจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  2. เป็นกรรมการชาวค่ายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรุ่นที่ 1 และ 2 ได้ร่วมกิจกรรมการพัฒนาชนบทกับชาวบ้านและนิสิตรุ่นน้อง
  3. เป็นสมาชิกของ A.U.W (American Association for University Women) และได้รับทุนจากสมาคม
  4. เป็นสมาชิกของ Phidelta Kappa เมื่อศึกษาอยู่ทีอเมริกา
  5. เป็นสมาชิกและกรรมการของสมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย และช่วยงานของสภาสตรีแห่งชาติ
  6. เป็นสมาชิกและกรรมการของสมาคมสตรีชาวนาไทยและช่วยงานของสภาสตรีแห่งชาติ
  7. เป็นสมาชิกและกรรมการของมูลนิธิทูตสันติภาพแห่งประเทศไทย

 

งานด้านต่างประเทศ

  1. เป็นผู้แทนกรมอาชีวศึกษา ศึกษาดูงานและร่วมสัมมนา เช่น  สิงคโปร์  อินโดนีเซีย  เดวจีดสคาน แคว้นสิบสองปันนา
  2. เป็นผู้แทนสมาคมสตรีอุดมศึกษาเข้าร่วมประชุมใหญ่ ศึกษาและดูงาน เช่น สหภาพโซเวียตรัสเซีย จีน ออสเตรีย นิงซีแลนด์ ฟินแลนด์ เยอรมนี อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์
  3. เป็นผู้แทนสมาคมสตรีชาวนาไทย เข้าร่วมประชุมใหญ่ศึกษาดูงาน และเสนอผลงานของสตรีชาวนาไทยที่ประเทศอินโดนีเซีย เกาหลี (เกาะเซจู) บรูไน

 

งานด้านศาสนา

  1. สร้างศาลาการเปรียญ โบสถ์ พระมหาเจดีย์ ฯลฯ ให้แก่ วัดป่าเย็นศิระธรรมะประทีป อ.ด่านซ้าย จ.เลย  บ้านหมากแข็ง ซึ่งอยู่บนยอดเขา
  2. สร้างห้องประชุมให้แก่โรงเรียนของวัดพราหมณี อ.สาริกา  จ.นครนายก  แทนของเดิมซึ่งเก่ามากแล้ว  ปัจจุบันใช้เป็นห้องสอบของภิกษุสงฆ์ของจังหวัด
  3. สร้างศาลาการเปรียญให้แก่วัดเจดีย์ อ.ควนสาร  จ.ชัยภูมิ  แทนศาลาเดิมซึ่งเก่าแก่มากแล้ว
  4. ร่วมกับวัดป่าเย็นศิระธรรมะประทีป สร้างพระพุทธชินสีห์องค์ใหญ่ที่สุดในโลก และพุทธอุทยานบนยอดเขา บ้านหมากแข้ง (กำลังดำเนินการ)

รองศาสตราจารย์ ดร. ปราณี พูลสุข

รองศาสตราจารย์ ดร. ปราณี พูลสุข

เป็นอักษรจรัส โดยมีผลงานดังนี้        

 1. ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นอย่างดียิ่ง  โดยนำวิชาที่เรียนจบจากคณะอักษรศาสตร์ มาทำงานด้านการสอนและการบริหารทั้งในโรงเรียนและในมหาวิทยาลัยเป็นเวลา 39 ปี  นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาได้ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติในด้านต่างๆ

  1. นำความรู้ด้านภาษามาเป็นนักแปลอิสระ เป็นนักแปลของสำนักพิมพ์ต่างๆ อาทิ ข้าวฟ่าง นานมีบุกส์ หมอชาวบ้าน สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เป็นต้น มีผลงานแปลจากภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย รวมแล้วประมาณ 40 เล่ม  นอกจากนี้ยังเป็นบรรณาธิการหนังสือแปลและเคยได้รับพระราชทานโล่รางวัลนักแปลวรรณกรรมเยาวชนดีเด่น เรื่อง “อีเลียด” จัดประกวดโยกองพัฒนาหนังสือแห่งชาติ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ
  2. ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมด้วยจิตอาสา เช่น ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย (พ.ศ.2549-2554) นายกสตรีวัดระฆังสมาคม (พ.ศ.2546-2559)  และได้สร้างผลงานต่างๆ ไว้มากในช่วงระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง มีผลงานปรากฏและได้รับการยกย่องจากสังคม ได้รับโล่เกียรติคุณ ดังนี้
    • ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุด ประถนาภรณ์ช้างเผือก (จากการรับราชการ)
    • ได้รับพระราชทานโล่รางวัลนักแปลวรรณกรรมเยาวชนดีเด่นจากหนังสือแปลภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาไทยเรื่อง “อีเลียด” จัดประกวดโดยกองพัฒนาหนังสือแห่งชาติ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2543
    • ได้รับเกียรติบัตรรางวัลชมเชยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการประกวดผลงานวิจัยเรื่อง “ทัศนคติของนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงในการประกอบอาชีพ” พ.ศ.2527
    • ศิษย์เก่าดีเด่นเข็มทองคำจากสตรีวัดระฆัง พ.ศ.2544
    • เกียรติบัตรศิษย์เก่าดีเด่นจากโรงเรียนสตรีวัดระฆัง พ.ศ.2547
    • เหรียญสมนาคุณกาขาดชั้น 2 จากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
    • โล่เกียรติคุณสตรีไทยดีเด่น จากสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ พ.ศ.2551
    • เกียรติบัตรแม่ดีเด่นแห่งชาติ จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ พ.ศ.2552
    • เกียรติบัตรแม่ดีเด่นแห่งโรงเรียนสตรีวัดระฆัง พ.ศ.2552
    • โล่เกียรติคุณนักแปลดีเด่นรางวัลสุรินทราชา จากสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย พ.ศ.2553
  3. ได้ไปอบรมดูงานและปฏิบัติงานในต่างประเทศ ได้แก่
    • ศึกษาอบรมวิชาประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่มหาวิทยาลัย Northern Arizona สหรัฐอเมริกา พ.ศ.2529
    • ได้รับเชิญเป็น Visiting Professor ที่มหาวิทยาลัย Northern Arizona สหรัฐอเมริกา พ.ศ.2530-2531
    • ศึกษาและดูงานเรื่องผู้ลี้ภัยอินโดจีนในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พ.ศ.2531
    • ศึกษาและดูงานด้านการบริหารและการศึกษาที่ปักกิ่ง กุ๊ยหลิน หางโจว และกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ.2536
    • ศึกษาและดูงานการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย Berkley สหรัฐอเมริกา พ.ศ.2539
  4. เป็นตัวอย่างให้อนุชนรุ่นหลังๆ ทำดีต่อไปตามแม่พิมพ์ของชาติ
  5. ได้รับเข็มเชิดชูเกียรติจากสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์

 

เสนอโดย นางฉันทนา วีระพาณิช 

 

 

รองศาสตราจารย์ ดร. เตือนใจ ตันงามตรง

รองศาสตราจารย์ ดร. เตือนใจ ตันงามตรง

เป็นอักษรจรัส ด้วยเหตุผลดังนี้ 

  1. ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นอย่างดีในสาขาอักษรศาสตร์ โดยเคยดำรงตำแหน่ง
  • ผู้อำนวยการก่อตั้งโครงการบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาภาษาและการสื่อสาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
  • ผู้อำนวยการก่อตั้ง สำนักภาษา ปรับสภาพจากโครงการภาษาอังกฤษ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
  • คณบดี คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
  • ผู้อำนวยสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต

เป็นผู้บริหารที่ดี อุทิศตนและเสียสละทำคุณประโยชน์ให้สถาบันอย่างเต็มที่ เพราะเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ข้าราชการทั่วไป 

  1. ได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการตรวจหนังสือแบบเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อใช้เป็นแบบเรียนทั่วประเทศ 
  1. เป็นหนึ่งในคณะกรรมการอ่านผลงานเพื่อเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการของหลายสถาบันการศึกษา 
  1. เป็นนักแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยที่มีความสามารถ 
  1. ได้รับโล่ “รางวัลสุรินทราชา” นักแปลอาวุโส ดีเด่น จากสมาคมการแปลและล่ามแห่งประเทศไทย 2552
  1. เป็นศิษย์เก่าเกียรติยศ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย   2552 
  1. ได้รับโล่เกียรติคุณ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์   2547 
  1. ได้รับเลือกให้ทำการสอน“การอ่าน ภาษาอังกฤษ”ให้กับทหารเสือในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ

ณ ภูพานราชนิเวศน์  สกลนคร  2529   

  1. เป็นบุคคลใน “International Who’s Who in Education”, 1987 Third Edition,   International Biographical Center, Cambridge, England. 

 เสนอโดย รองศาสตราจารย์ มาลินี จันทวิมล 

รองศาสตราจารย์ มาลินี จันทวิมล

รองศาสตราจารย์ มาลินี จันทวิมล สำเร็จการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ รุ่น 23

เกียรติประวัติและผลงานที่ภาคภูมิใจ

        เป็นผู้อำนวยการสถาบันภาษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระหว่าง พ.ศ. 2531-2535 สร้างศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเอง ในโครงการนำร่อง ในปี พ.ศ.2532

 

        ให้คำแนะนำในการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ในคณะต่างๆ ในจุฬาฯ

 

        นำบทเรียนไปเสริมไว้ที่ศูนย์โสตทัศนศึกษากลาง สถาบันวิทยบริการ เพื่อบริการแก่นิสิต คณะครุศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์

 

        การฝึกฝนให้นิสิตเป็นผู้ใฝ่หาความรู้ด้วยตนเองและเป็นเลิศทางวิชาการนี้ ตรงตาม Montien Declaration ปี 2530 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ระบุความมุ่งมั่นในการพัฒนามหาวิทยาลัยให้เป็นแหล่งวิชาการในรูปแบบต่างๆ

 

        ทำการจัดประชุมระดับชาติและนานาชาติไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง

 

        เนื่องจากมีความคิดเห็นว่า ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่มีความสำคัญและมีประโยชน์ จึงได้ทำการเรียบเรียงหนังสือเพื่อช่วยฝึกฝนการอ่านของผู้เรียนต่อไป ได้ดำเนินการพิมพ์ 2 บริษัทด้วยกัน

 

  1. บริษัทโรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช
    • Modern Comprehension Practice Book I, II สำหรับมัธยมศึกษาตอนปลาย
    • Practice in Comprehension สำหรับรายวิชาการอ่าน 1-2 ตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2534
    • Practice in Comprehension การอ่านภาษาอังกฤษเบื้องต้น 3-4 ตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2531 ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2533

        หนังสือทั้งสองเล่มนี้ผ่านการตรวจโดยคณะกรรมการตรวจซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่กระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งขึ้น และอนุญาตให้ใช้ในโรงเรียนได้ (ดำเนินการพิมพ์มากกว่า 50 ครั้ง ครั้งละ 10,000-30,000 ฉบับ พ.ศ. 2539 พิมพ์จำนวน 80,000 ฉบับ) 

 

  • Practice in Comprehension ทักษะการอ่าน 3-4 5-6 ตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2524 ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2533

        หนังสือเล่มนี้ผ่านการตรวจจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากกระทรวงศึกษาธิการ และอนุญาตให้ใช้ในโรงเรียนได้ (ดำเนินการพิมพ์มากกว่า 50 ครั้ง ครั้งละ 10,000 ฉบับ พ.ศ. 2537 พิมพ์จำนวน 80,000 ฉบับ เป็นต้น) 

 

  • Exploring Reading & Writing Level 1,2,3 หนังสือประกอบการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น รายวิชา อ่าน-เขียน ตามหลักสูตรภาษาอังกฤษ พ.ศ.2539 และต่อมาเปลี่ยนเป็นกลุ่มสาระการเรียนภาษาต่างประเทศ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551

 

หนังสือชุดนี้พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2542 และขณะนี้ยังดำเนินการจัดพิมพ์อยู่

 

  1. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เป็นหนังสือชุดพัฒนาทักษะการอ่าน มีทั้งหมด 8 เล่มด้วยกัน และเรียงตามความยากง่าย

 

2.1        Expanding Reading Skills Book I      

(English for Everyday Use and English for Future Careers)

พิมพ์ครั้งที่ 1 2552

 

ระดบมหาวิทยาลัยปีแรกและผู้ที่เตรียมตัวสอบข้อทดสอบมาตรฐาน เช่น TOEFL (สหรัฐอเมริกา), IELTS (อังกฤษ), CU-TEP (จุฬาฯ)

2.2        Expanding Reading Skills Book II

(English for Academic Purpose)

พิมพ์ครั้งที่ 1 2548

พิมพ์ครั้งที่ 2 2554

 

2.3        Expanding Reading Skills-Level 6

พิมพ์ครั้งที่ 1 2553

พิมพ์ครั้งที่ 2 2555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สำหรับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

2.4 Expanding Reading Skills-Level 5

 

พิมพ์ครั้งที่ 1 2552

พิมพ์ครั้งที่ 2 2555

2.5 Expanding Reading Skills-Level 4

พิมพ์ครั้งที่ 1 2550

พิมพ์ครั้งที่ 2 2553

พิมพ์ครั้งที่ 3 2557

2.6 Expanding Reading Skills-Level 3

พิมพ์ครั้งที่ 1 2558

 

สำหรับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

2.7 Expanding Reading Skills-Level 2

พิมพ์ครั้งที่ 1 2559

2.8 Expanding Reading Skills-Level 1

พิมพ์ครั้งที่ 1 2559

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 เสนอโดย นางดวงจันทร์ พิชยนันท์

 

 

วนิดา สถิตานนท์

คุณวนิดา สถิตานนท์ เป็นอักษรจรัส อบ. 23

มีผลงานดังนี้

วนิดา สถิตานนท์ เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในการแต่งร้อยกรองทั้งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย ลิลิต และสามารถเขียนร้อยแก้วทั้งบรรยายโวหารและพรรณาโวหารได้ไพเราะมาก  ตั้งแต่เริ่มศึกษาในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาตลอดระยะเวลา 4 ปี  วนิดามีความเชี่ยวชาญในการแต่งร้อยกรองประเภทต่างๆ ได้รวดเร็วและไพเราะกินใจ สามารถใช้ภาษาง่ายๆ  แต่ผู้อ่านเข้าใจความหมายได้ลึกซึ้งตามเจตนารมณ์ของผู้แต่ง

เมื่อจบการศึกษาอักษรศาสตร์บัณฑิต วนิดาได้เข้าทำงานในองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (อสท.)  โดยได้เป็นผู้หนึ่งในการจัดทำนิตยสาร อสท. เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ภาษาไทย วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศไทยสู่นานาประเทศ และเปิดโลกทรรศน์อันกว้างไกลของประเทศต่างๆ ให้คนไทยได้ศึกษาค้นคว้า  ในขณะเดียวกันวนิดาได้เล่าเรื่องการท่องเที่ยวในสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ กล่าวถึงตำนานอธิบายประวัติความเป็นมา บรรยายความงดงามและสิ่งที่น่าสนใจ น่าศึกษา ทำให้ผู้อ่านเกิดความสนใจใคร่จะไปเที่ยวชมสถานที่เหล่านั้นตามคำเชิญชวนในนิตยสารดังกล่าว

จากประสบการณ์ในเชิงอักษรศาสตร์ทั้งด้านความรู้ทางภาษาไทย ความสามารถในการแต่งร้อยกรองและร้อยแก้ว  วนิดาได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงวัฒนธรรมแห่งชาติให้เป็นกรรมการตัดสินการประกวดเรียงความ ประกวดแต่งร้อยกรองในโอกาสวันสำคัญต่างๆ เช่น วันเด็ก วันพ่อ วันสุนทรภู่ เป็นต้น  ปัจจุบันวนิดายังคงศึกษาค้นคว้าทางภาษาไทยและวรรณคดีไทย ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาทางด้านการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องและยั่งยืนต่อไปในอนาคต

 

เสนอโดย นางพิมพา บำรุงสุข   

ศาสตราจารย์ ดร.วรรณี (วิบูลย์สวัสดิ์) Anderson

ดิฉันรู้จักและเป็นเพื่อนนักเรียนร่วมเรียนมากับ ดร.วรรณี ตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนชั้นประถม จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 ที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย  ดร.วรรณีเป็นคนเรียนเก่ง สอบได้ที่ 1 ที่ 2 ของห้องมาตลอด  และเมื่อสอบชั้นมัธยมปีที่ 8 ก็สอบได้เลขที่ลำดับต้นๆ ติด 1 ใน 50 คนของประเทศ  เมื่อสอบเข้าคณะอักษรฯ จุฬาฯ ก็ได้เป็นอันดับแรกๆ ของผู้ที่สอบได้ และถูกคัดเลือกให้เรียนอยู่ในกลุ่ม A ของรุ่น  เมื่อเรียนอยู่อักษรฯ ปีที่ 4  ก็ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการสโมสรนิสิตจุฬาฯ โดยเป็น “นายกสมาคมนิสิตหญิงของ ส.จ.ม.” เมื่อเรียนจบในปี พ.ศ.2501 ได้รับเกียรตินิยมและได้รับรางวัล “สุภาพ จันทรโพธิ” เพราะได้รับคะแนนยอดเยี่ยมภาษาอังกฤษทางวรรณคดี

ดร.วรรณีสอบได้ทุน Fulbright ในปี พ.ศ.2505 ไปเรียนต่อจบ M.A. ที่ Brown University, Providence, Rhode Island ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัย Ivy League ของสหรัฐฯ เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีมาก รับเฉพาะผู้ที่สอบได้ Grades สูงๆ เท่านั้น  จากนั้นในปี พ.ศ. 2516 ได้เรียนต่อ Ph.D. ทางคติชนวิทยาและมานุษยวิทยาที่ University of Pennsylvania และในปี พ.ศ.2524-2526 ได้เรียนต่อจนจบ Post-Doctoral ทางด้านมานุษยวิทยา จากมหาวิทยาลัย Harvard ที่ Boston, Massachusetts ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของสหรัฐฯและของโลก

 

ความสัมพันธ์ของ ดร.วรรณี กับคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ

พ.ศ. 2502-2506     ได้รับคัดเลือกให้เป็นอาจารย์ภาควิชาภาษาอังกฤษ โดยศาสตราจารย์คุณหญิงนพคุณ ทองใหญ่ หัวหน้าภาควิชา

 

        และเมื่อกลับมาประเทศไทยเป็นระยะๆ โดยได้รับทุนต่างๆ นั้น

พ.ศ. 2517       ได้เป็นอาจารย์พิเศษ บัณฑิตวิทยาลัย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร  ได้ช่วยบุกเบิกการสอนวิชาคติชนวิทยาในทั้งสองมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก เนื่องจากวิชานี้ยังเป็นวิชาที่ใหม่ในประเทศไทย ยังไม่ได้มีการสอนเป็นกิจจะลักษณะ

พ.ศ. 2528       อยู่ในคณาจารย์ที่เป็นทีมบุกเบิกการสอนระดับปริญญาโททางมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยศิลปากร

พ.ศ. 2552       เป็นอาจารย์พิเศษรับเชิญจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ให้มาสอนนักศึกษานานาชาติ International Graduate Program in Thai Studies

ตั้งแต่ พ.ศ.2553-ปัจจุบัน   ได้จัดตั้งกองทุนสนับสนุนการวิจัยในพื้นที่สำหรับการเรียนวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกทางคติชนวิทยาและ Thai Studies ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ

 

ความสัมพันธ์ของ ดร.วรรณี กับการศึกษาในประเทศไทย

พ.ศ.2528-2538      ได้เขียนโครงการเสนอองค์กร Save The Children Fund ในประเทศอังกฤษ และทางองค์กรได้มอบทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษาให้แก่นักเรียนที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และมีผลการเรียนดีแต่ฐานะยากจน ปีละ 35 ทุนต่อเนื่องกันอยู่ 10 ปี โดยมีนักเรียนที่ได้รับทุนทั้งหมดจำนวน 350 คน

 

ผลงานหนังสือทางวิชาการ และตำราจากผลงานการวิจัยวัฒนธรรมและสังคมไทย

พ.ศ.2517        ได้รับรางวัลจาก International Folklore Association, University of Chicago รัฐ Illinois สำหรับวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก เรื่อง “Children’s Play and Games in Rural Thailand” ซึ่งได้รับการจัดพิมพ์โดยสถาบันวิจัยสังคม คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในปี พ.ศ.2523 แปลและพิมพ์ฉบับภาษาไทยในปี พ.ศ.2526 โดย Social Sciences and Humanity Textbook

พ.ศ.2531        เขียนตำราแนวการศึกษาคติชนวิทยาชื่อ “มิติใหม่ของคติชนวิทยา” จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม

พ.ศ.2532        เป็นบรรณาธิการวารสารฉบับพิเศษ “Folklore and Folklife of Thailand” ซึ่งเป็นวารสาร Asian Folklore Studies ของมหาวิทยาลัย Nanzan ประเทศญี่ปุ่น นำเสนอนักวิชาการไทยจำนวน 5 คน

พ.ศ.2553        เขียนหนังสือ “Mapping Thai Muslims: Community Dynamics and Change on the Andaman Coast” จัดพิมพ์โดย Silkworm Press, เชียงใหม่

 

 

ผลงานของ ดร.วรรณี ในประเทศสหรัฐอเมริกา

พ.ศ.2527-2544      - เป็นอาจารย์สอนเกี่ยวกับ Folklore ที่ Brown University, Providence, Rhode Island

                       - มีตำแหน่งบริหารเป็นรองผู้อำนวยการ Center for the Studies of Race and Ethnology in America, Brown University

พ.ศ.2544-2559      - หลังจากเกษียณได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์พิเศษทางมานุษยวิทยา Brown University จนถึงปัจจุบัน

                       - ดร.วรรณีได้รับทุนทางด้านมานุษยวิทยาและคติชนวิทยารวม 18 ทุน

                       - ได้เขียนหนังสือด้านวิชาการเกี่ยวกับการศึกษาวัฒนธรรม Asian American และสังคมของชนเผ่า Eskimo จำนวนทั้งหมด 5 เล่ม บทความทางวิชาการ 24 บทความ และเป็นกรรมการทุน National Science Foundation

พ.ศ.2558        - ได้รับรางวัล Richard A. Baewan สำหรับการศึกษาวิจัยวัฒนธรรมและสังคมของชาวเอสกิโม ในรัฐ Alaska และช่วยสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมและสังคมของชาวเอสกิโมให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

 

ดร.วรรณี ปัจจุบันอายุ 80 ปี (เกิด 17 มกราคม พ.ศ.2479) พำนักอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกากับสามี Dr.Douglas Anderson ศาสตราจารย์ทางด้าน Anthropology ของมหาวิทยาลัย Brown

ดิฉันและเพื่อนอักษรฯ รุ่น 23 อีกหลายคนมีความเห็นตรงกันว่า ดร.วรรณี ควรได้รับการพิจารณาเป็นหนึ่งใน “อักษรจรัส” ของรุ่น  เพราะถึงแม้จะพำนักอยู่ที่ประเทศสหรัฐฯ แต่ก็มีผลงานหลายอย่างที่ผูกพันกับสถาบันเก่า คือ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ได้ทำคุณประโยชน์ทางด้านการศึกษาให้แก่ประเทศไทยหลายประการ เธอประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในต่างประเทศอย่างที่คนไทยน้อยคนจะทำได้ เป็นผู้ที่ต่อสู้ชีวิตและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ เป็นที่น่าชื่นชมยกย่องและเป็นตัวอย่างให้กับเยาวชนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดีในความอุตสาหะ บากบั่น และมานะพยายาม รวมถึงประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่คนไทยที่พำนักอยู่ในต่างประเทศ และนำชื่อเสียงอันดีมาให้ประเทศไทย

\"\"

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ฉัตรชัย พงศ์ประยูร

     ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. ฉัตรชัย พงศ์ประยูร จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะอักษรศาสตร์ และครุศาสตร์ จุฬาฯ  ปริญญาโท สาขาภูมิศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยคลาร์ก เมืองวุร์สเตอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา และปริญญาเอก สาขาภูมิศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นอิลลินอยส์ รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา

      ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. ฉัตรชัย เป็นอาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๖-๒๕๓๙  และเป็นกรรมการตรวจตำราสังคมศึกษา ให้กับกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔-๒๕๓๕  และได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. ๒๕๓๖

      ท่านมีความเชี่ยวชาญด้านภูมิศาสตร์มนุษย์ อันประกอบด้วยวิชา แนวความคิดทางภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์เมือง และภูมิศาสตร์การตั้งถิ่นฐานมนุษย์

 ผลงานเขียนที่สำคัญของท่าน ได้แก่ 

  • แนวความคิดทางภูมิศาสตร์ (๒ เล่ม)
    - ภูมิศาสตร์เมือง
    -  การตั้งถิ่นฐานมนุษย์ ทฤษฎีและแนวปฏิบัติ
    -  การใช้ที่ดินในเขตเทศบาล ๑๐ แห่งของไทย กรณีศึกษาเปรียบเทียบ
    -  แนวโน้มและทิศทางการศึกษาวิจัยทางภูมิศาสตร์ในทศวรรษหน้า (บทความวิชาการ)

 

เกียรติประวัติที่สำคัญของท่าน ได้แก่

  • ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาวชิรมงกุฎ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙
  • เป็นศาสตราจารย์กิตติคุณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • เป็นราชบัณฑิต สาขาสังคมศาสตร์

สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์

Copyright 2024 The Faculty of Arts Chulalongkorn University