เรื่องเล่าของนิสิตเก่า รุ่น 65

เรื่องเล่า อบ.ุ65 Pomme

เรื่องเล่า  อบ. 65

โดย Pomme

ฉันก้าวเข้ามาเป็นน้องใหม่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ด้วยความรู้สึกที่...จากมุมมองของเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งก้าวออกจากรั้ว รร.ม.ปลายได้ไม่นาน...ราวกับโลกทั้งใบอยู่ในกำมือ ด้วยความที่คณะอักษรฯ คือคณะในฝัน เมื่อได้เข้ามาเป็นสมาชิกร่มชงโคแห่งนี้ก็เหมือนกับฝันที่เป็นจริง ถึงแม้จะเหวอๆ อยู่บ้างในตอนแรก เพราะเป็นคนเดียวในรุ่นที่โรงเรียนที่เอ็นท์ติดคณะนี้ แต่เพื่อนใหม่ กิจกรรมต่างๆ และวิชาการอันเข้มข้นที่รออยู่ ก็ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นความสนุกตื่นเต้นในเวลาอันรวดเร็ว

ถ้าจะให้เล่าถึงการเรียนการสอนที่คณะอักษรฯ ในสมัยนั้น  น้องๆ รุ่นใหม่ๆ ในยุค smart phone และ tablet อาจจะนึกไม่ออกว่าเรียนกันเข้าไปได้อย่างไร จำได้ว่าชั่วโมงแรกของชั้นปี 1 เป็นวิชาอารยธรรมตะวันออก เปิดฉากมาปุ๊บอาจารย์ท่านก็ lecture ไม่หยุด เท่าที่จำได้คือไม่มีแผ่นใส (สมัยนั้นอย่าเพิ่งพูดถึง powerpoint เลย) เราก็ต้องจดๆๆกันอย่างเดียวสิจ๊ะ จดกันจนมือหงิก แต่ที่ชัดเจนในความทรงจำคือเป็นช่วงเวลา 3 ชม. ที่ไม่มีเบื่อหรือง่วงซักนิด เป็น first impression ที่ดีงามกับการเรียนในคณะนี้ ทำให้มีแต่ความรู้สึกกระตือรือร้นอยากใฝ่หาความรู้ต่อไป

ส่วนสมุดจดที่จดอย่างเมามันจนแทบอ่านไม่ออกนั้น...เราก็มักจะต้องเอาไปจดใหม่ให้สวยงาม ใครใคร่เล่นสีวาดรูปประกอบเพื่อประโยชน์ต่อการอ่านทบทวนก็จะกระทำกันตามอัธยาศัย ตรงไหนตามไม่ทันก็สามารถไปหาดูได้จาก lecture ของรุ่นพี่ที่มักจะมอบกันเป็นมรดกตกทอดในสายรหัส หรือไม่ก็เข้าห้องสมุดค้นคว้ากันเอง เพราะสมัยนั้นยังไม่มี google วิชา lecture คลาสเรียนรวมทั้งหลายก็มักจะเป็นแบบนี้ล่ะ

พอมาในวิชาแบ่งกลุ่มย่อย อย่างพวกวิชาภาษาต่างประเทศ ก็เกิดประเด็นท้าทายอย่างอื่นขึ้นมา ฉันเลือกเรียนภาษาฝรั่งเศสด้วยความตั้งใจจะเรียนภาษานี้เป็นวิชาเอกต่อไป แค่ชม. แรกๆก็เกิดอาการแตกตื่นอย่างหนักกับ...อาจารย์ฝรั่ง! ด้วยความที่เรียนกับ อ.คนไทยมาตลอดตอนอยู่ ม.ปลาย เจอ อ.ฝรั่งที่ไม่พูดภาษาอื่นใดนอกจากฝรั่งเศส คือเราผวามากนึกออกมั้ย ฟังไม่รู้เรื่อง พูดไม่ได้ โอ๊ย...เทอมหน้าจะไม่เรียนล่ะพอกันที แต่เทอมนี้ก็ทนๆเรียนให้จบเทอมแล้วกัน ลงแล้วถอนมันเสียฟอร์ม ก็อยากจะขอบอกขอบใจตัวเองในตอนนั้น ที่มีลูกฮึดและลูกบ้ามากพอที่จะอดทนและพยายามต่อไป เพราะในที่สุดเราก็ผ่านพ้นวิชาภาษาฝรั่งเศส 1 ไปได้ด้วยดี (ด้วยเอ..to be precise อิๆ) เราไม่เลิกรักมัน และเราก็ได้เรียนภาษานี้เป็นวิชาเอกอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก และที่สำคัญ...ความ ‘อดทน’ และ ‘พยายาม’ นี้คือสิ่งที่เราต้องใช้มันอีกเยอะมากมายในการเรียนคณะอักษรฯ ซึ่งเราจะได้รู้เองในเวลาต่อมา

สิ่งหนึ่งที่คณาจารย์อักษรฯ พร่ำบอกพวกเราตั้งแต่แรกเข้ามาจนฉันจำได้ฝังใจ คือไม่ว่าคุณจะเลือกเรียนอะไรก็ตามในคณะนี้ สิ่งที่คนทั่วไปคาดหวังกับอักษรศาสตรบัณฑิตคือ ความเก่งภาษา ทั้งไทยและอังกฤษ (“ใบปริญญาพวกคุณไม่มีห้อยท้ายนะว่าเอกฝรั่งเศส หรือเอกละคร”...อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าว) และฉันก็จำได้ดีว่าเราถูกกวดขันทางวิชาการกันอย่างเข้มข้นและเข้มงวดเพื่อตอบรับความคาดหวังนี้จริงๆ เชื่อว่าหลายๆคนก็คงมีความทรงจำหลากหลายรสชาติ กับวิชาในตำนานอย่างวรรณคดีไทย (ไตรภูมิพระร่วงนี่คือหนึ่งใน highlight ของชีวิตเฟรชชี่ปี 1 ของฉันเลยทีเดียว) หรือ Mythology (ตำนานจริงๆ) Syntax, Elem (เรียกย่อๆ ก็เป็นที่รู้กัน ชื่อเต็มๆ ก็ Elements of Spoken English นั่นไง) แล้วยังปริมาณหนังสืออีกมหาศาลที่เราต้องอ่านๆๆ ใครที่เป็นหนอนหนังสือโดยกมลสันดานแบบเรา คงรู้สึกว่าเป็นความสนุกมากกว่าจะน่าเบื่อเนอะ (หรือเปล่า ทุกคนรู้สึกเหมือนเรารึเปล่า 555) คิดดูสิ โตมาทำงานทำการแล้วจะหาเวลาไปอ่านนิยายเยอะๆ เหมือนตอนสมัยเรียนได้ด้วยเหรอ

สี่ปีในรั้วอักษรฯ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว สำหรับฉันมันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยสีสัน ไม่ว่าจะในด้านวิชาการหรือกิจกรรม ฉันเองยังเคยคิดว่าอยากให้อักษรฯ เรียนกันสักห้าปีเลยจะได้อยู่ต่ออีก ลงเรียนวิชาที่อยากเรียนและยังไม่ได้เรียนอีก หรือว่าอ่านหนังสือเล่มที่ยังไม่ได้อ่านในห้องสมุดอีก ทุกวันนี้...เมื่อมองย้อนกลับไปถึงวันเวลาเหล่านั้นในคณะอักษรฯ ฉันมองเห็นตัวเองที่มีแต่ความสุขที่ได้ร่ำเรียนวิชาที่รักและเลือก ความกระหายใคร่รู้ที่จะเรียนรู้ให้มากขึ้น อ่านให้มากยิ่งขึ้น ดื่มด่ำกับสิ่งที่เรียนให้มากขึ้น...และในห้วงเวลาเหล่านั้น...ฉันนึกไม่ออกว่าตัวเองต้องการอะไรมากไปกว่านี้เลย...

จังหวะชีวิตหลังเรียนจบของบัณฑิตเอกฝรั่งเศสอย่างฉัน จะว่าไปถ้าเป็นการเดินทางมันก็ไม่ใช่ไปทางตรงสักเท่าไหร่ ทุกวันนี้ฉันก็ทำงานในสายงานที่หลายคนตั้งคำถามว่าไม่ได้เรียนสายนั้นโดยตรงแล้วไปทำได้อย่างไร แต่สิ่งที่ฉันได้จากคณะอักษรฯ นอกจากทักษะทางภาษา ซึ่งเป็นประโยชน์กับชีวิตฉันมากมายเหลือเกินแล้ว ฉันยังได้ความรอบรู้ ความเข้าใจโลก เข้าใจมนุษย์ ความคิดและจินตนาการ ซึ่งทุกอย่างเป็นพื้นฐานต่อยอดไปสู่การพัฒนาตัวเองในสายงานอาชีพต่อๆ ไป

...เป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว กับวันแรกที่ฉันก้าวเข้ามาเป็นน้องใหม่คณะอักษรศาสตร์...ความรักและความภาคภูมิใจในคณะไม่เคยเลือนหายหรือลดน้อยลงไปเลย...

 

กลับขึ้นด้านบน

สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์

Copyright 2024 The Faculty of Arts Chulalongkorn University